วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

โครงการเลี้ยงไก่ไข่ รร. บ้านคลองเรือ กำแพงเพชร สร้างประสบการณ์ชีวิต หนุนนักเรียนพึ่งพาตนเองในอนาคต



โครงการเลี้ยงไก่ไข่ รร. บ้านคลองเรือ กำแพงเพชร สร้างประสบการณ์ชีวิต หนุนนักเรียนพึ่งพาตนเองในอนาคต


ผืนดินที่เคยว่างเปล่าของ โรงเรียนบ้านคลองเรือ หมู่ 11 ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ถูกพลิกฟื้นให้กลายเป็นฐานเรียนรู้อาชีพเกษตร หลังจากผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ประจักสิน บึงมุม​ มีแนวคิดที่จะนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาดำเนินการให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โรงเรียนแห่งนี้จึงไม่เพียงเน้นให้นักเรียนรู้หลักวิชาการเท่านั้น แต่ต้องเรียนรู้พื้นฐานอาชีพเป็นทักษะชีวิตสำหรับใช้ในอนาคตของพวกเขาด้วย 


ผอ.ประจักสิน เล่าว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ไม่มีใครนำมาปฏิบัติจริง เมื่อครูและชุมชนมาหารือร่วมกัน จึงพบว่าแทบทุกบ้านทำอาชีพเกษตรปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้ต้องประสบปัญหาราคาพืชผลการเกษตรที่ผันผวนแทบทุกปี และเมื่อพิจารณาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ ทุกคนเชื่อว่าจะกลายเป็นทางรอดของคนในชุมชน อย่างน้อยก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน และยังมีอาหารปลอดภัย พืชผักปลอดสารให้รับประทาน เกิดภูมิต้านทานทั้งแง่เศรษฐกิจ สุขภาพ และสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือนและชุมชนได้ ปลายปี 2562 พื้นที่ 16 ไร่ของโรงเรียน จึงถูกแบ่งเป็นบ่อน้ำสำหรับเลี้ยงปลา มีสวนผักผลไม้ เพาะเห็ด และทำเกษตรปศุสัตว์ เริ่มต้นจากการเลี้ยงไก่ไข่บนบ่อปลา แต่ทั้งหมดยังเป็นไปอย่างไม่มีแบบแผนชัดเจน 




จนกระทั่งโรงเรียนได้เข้าร่วม “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” ที่มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ และ บมจ.สยามแม็คโคร เข้ามาสนับสนุนนักเรียนให้เลี้ยงไก่ไข่จำนวน 150 ตัว เพื่อผลิตไข่ไก่อาหารโปรตีนคุณภาพดีสำหรับปรุงเป็นอาหารกลางวันได้ด้วยตนเอง โดยเริ่มจากการวางแผนการเลี้ยง มีระบบการจัดการที่ดี มีการถ่ายทอดความรู้และเทคนิควิชาการที่ถูกต้อง ทำให้ครู นักเรียน และชาวชุมชนเข้าใจเรื่องการจัดการที่เป็นมาตรฐาน เข้าใจการลงทุนและจุดคุ้มทุน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ  


จากนั้นเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียนบ้านคลองเรือ โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนอยู่ 27 คน ในระดับชั้นอนุบาล 1- ประถมศึกษาปีที่ 6 ก็ถูกประยุกต์ให้มีระบบบริหารจัดการที่ดี โดยใช้โมเดลการเลี้ยงไก่ไข่ฉบับย่อที่มีการจัดการที่ดี มีหลักวิชาการ ที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวคิดที่ซีพีเอฟและมูลนิธิฯให้ไว้ ต่อยอดสู่การบริหารกิจกรรมเกษตรอื่นๆอย่างเป็นระบบ มีวิธีคิด รู้ต้นทุน รู้ตลาด นำไปสู่ธุรกิจเล็กๆของโรงเรียนที่สามารถดำเนินงานต่อได้อย่างมั่นคง เด็กๆได้เรียนรู้ มีทักษะชีวิต และทักษะอาชีพจากการลงมือปฏิบัติจริง เมื่อโครงการในโรงเรียนเข้มแข็ง จึงขยายผลสู่การสร้าง “ศูนย์ดาวล้อมเดือน” บนพื้นที่อีกแปลงของโรงเรียน จำนวน 20 ไร่ เพื่อให้เป็นทั้งคลังอาหารของชุมชนและเป็นธุรกิจที่ดำเนินการโดยชาวชุมชนอย่างแท้จริง โดยยกรูปแบบของโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จแล้ว มาสานต่อในผืนดินนี้ ทั้งฐานเรียนรู้การเลี้ยงไก่ไข่จำนวน 200 ตัว การปลูกผักปลอดสารพิษ (ผักออร์แกนิค) เพาะเห็ดนางฟ้า การเลี้ยงปลา เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ และเพาะเลี้ยงไส้เดือน โดยมีครูและผู้ปกครองของนักเรียนร่วมกันเป็นคณะกรรมการศูนย์ฯ และดำเนินการโดยผู้ปกครองและน้องๆนักเรียน เพื่อให้ศูนย์มีรายได้ต่อยอดกิจการในรุ่นถัดไปได้  






จากโครงการเลี้ยงไก่ไข่ในโรงเรียนที่มูลนิธิฯ ซีพีเอฟ และแม็คโคร ส่งมอบให้ เมื่อผนวกเข้ากับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นพื้นฐานอันเข้มแข็ง สู่โมเดลธุรกิจของชุมชนในนามศูนย์ดาวล้อมเดือน ที่พัฒนาจนกระทั่งได้รับการรับรอง GAP วันนี้ยังต่อยอดความสำเร็จไปสู่อีกกว่า 20 ครอบครัว ที่เริ่มเลี้ยงไก่ไข่ 20-25 ต่อครอบครัว ควบคู่กับการเลี้ยงปลาและปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเอง เมื่อได้ผลผลิตไข่ไก่ ปลา และผักได้เก็บเกี่ยว ทำให้แต่ละครัวเรือนมีอาหารไว้บริโภคโดยไม่ต้องซื้อหา ที่เหลือก็แบ่งปันญาติพี่น้องเพื่อนบ้าน หรือนำไปแปรรูป เมื่อมีมากเกินจากบริโภคจึงนำไปจำหน่ายในตลาดชุมชน กลายเป็นธนาคารอาหารที่ทุกคนร่วมกันสร้างด้วยตนเอง บรรลุเป้าหมายการสร้างความมั่นคงทางอาหารในชุมชนที่ได้ตั้งไว้ และชาวชุมชนภูมิใจที่ชุมชนเล็กๆของพวกเขา ได้รับการประเมินให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อันดับที่ 2 ของจังหวัดกำแพงเพชร และยังเป็นสถานที่ฝึกอบรมและดูงานให้กับคณะบุคลากรทางการศึกษาและหน่วยงานต่างๆ 


“ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ควบคู่กับองค์ความรู้ที่ทุกคนได้รับจากโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ทำให้ทุกครัวเรือนไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน ทุกบ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการไปตลาด จึงไม่เสี่ยงกับโรคโควิด และไม่เสี่ยงกับสารเคมีในพืชผัก ไข่ไก่ก็สะอาดปลอดภัย เพราะทุกคนดูแลผลผลิตด้วยตัวเอง โครงการฯนี้ จึงตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง” ผอ.ประจักสิน กล่าว  






ขณะที่ มนัส แสงเมล์ ผู้ปกครองของ ด.ญ.ณัฐนิชา หรือน้องปาล์ม และด.ญ.ณัฐชยา หรือน้องปอย สองฝาแฝดที่กำลังช่วยกันเลี้ยงไก่ไข่ 20 ตัว ให้อาหารปลา และดูแลแปลงผักในบ้าน บอกว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน แม้จะเป็นเรื่องใหม่สำหรับโรงเรียนและชุมชน แต่กลับสร้างประโยชน์มากมายให้กับทุกคน เด็กๆก็ได้บริโภคไข่ไก่ทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง รวมทั้งได้เรียนรู้และมีทักษะอาชีพ ทั้งการเลี้ยงสัตว์และการปลูกพืชผัก แล้วนำมาถ่ายทอดให้กับพ่อแม่ ยิ่งเมื่อผู้ปกครองได้เข้าไปเรียนรู้ว่าโรงเรียนประสบความสำเร็จในการสร้างแหล่งอาหารของตนเอง ชุมชนก็ตัดสินใจต่อยอดสร้างคลังอาหารชุมชนในศูนย์ดาวล้อมเดือน ที่วันนี้ผลผลิตเป็นที่ต้องการของชุมชนรอบข้างและผู้ค้าในท้องถิ่น โดยจำหน่ายผ่านออนไลน์ ที่สำคัญคือ ผู้ปกครองนำสิ่งที่ลูกๆบอกมาทำต่อที่บ้าน กลายเป็นคลังอาหารของบ้านช่วยลดรายจ่ายเพิ่มรายได้โดยเฉพาะในวิกฤตโควิดเช่นนี้ 


ส่วนน้องปาล์มและน้องปอย บอกว่า ดีใจมากที่ความรู้เรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ การเลี้ยงปลา และปลูกผักปลอดสารที่ได้รับ ได้นำมาปฏิบัติจริงทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน เกิดเป็นทักษะชีวิต ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมตามฐานต่างๆ ที่โรงเรียนและที่ศูนย์ฯ ที่สำคัญคือความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตอาหารปลอดภัยให้กับเพื่อนๆในโรงเรียน พ่อแม่พี่น้องชาวชุมชน และผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปบริโภค   


โรงเรียนบ้านคลองเรือ นอกจากจะเป็นหนึ่งในความสำเร็จของ โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน ที่มุ่งพัฒนาทักษะวิชาชีพควบคู่กับทักษะวิชาการ โดยนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นตัวตั้ง เพื่อปลูกฝังเด็กๆให้เข้มแข็ง มีองค์ความรู้และวิชาชีพติดตัว แม้ไม่มีหน่วยวัดผลความสำเร็จ แต่เด็กๆจะซึมซับและก่อเกิดทักษะชีวิตติดตัวพวกเขา และโรงเรียนนี้ยังเป็นตัวอย่างของการสร้างความสามัคคีและความเข้มแข็งในชุมชน เพื่อร่วมกันสามารถสร้างแหล่งอาหารมั่นคงและยั่งยืน./

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สสท.ผุดโครงการช่วยเหลือโควิด ผ่าน สันนิบาตสหกรณ์จังหวัด

 สสท.ผุดโครงการช่วยเหลือโควิด ผ่าน สันนิบาตสหกรณ์จังหวัด

 



ล่าสุดภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยชุดที่ 25 ครั้งที่ 9/2564 ซึ่งที่ประชุมได้อนุมัติให้แก้ไขระเบียบสันนิบาตสหกรณ์ ฯ ว่าด้วยสันนิบาตสหกรณ์จังหวัด (ฉบับที่...) พ.ศ......

ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด - 19 ทำให้กิจกรรมของ สันนิบาตสหกรณ์จังหวัด ในปี 2564 ต้องหยุดชะงักลง  สันนิบาตสหกรรณ์จังหวัดบางแห่ง ได้รับเงินค่าบำรุงสันนิบาตสหกรณ์และเงินอุดหนุนจำนวนน้อย  จนไม่เพียงพอ ต่อการจัดงานหรือกิจกรรมในแต่ละปี เมื่อไม่สามารถจัดกิจกรรมในปีดังกล่าวได้ เงินค่าบำรุงสันนิบาตสหกรณ์และเงินอุดหนุนในปีดังกล่าวจะถูกตัดไป เพื่อส่งเสริมสันนิบาตสหกรณ์จังหวัดให้มีบทบาท     และ   มีส่วนช่วยเหลือต่อสังคมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 สันนิบาตสหกรณ์    โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมสหกรณ์ จึงได้ขอแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบของสันนิบาตสกรณ์ ว่าด้วยสันนิบาตสหกรณ์จังหวัด พ.ศ.2562 ในประเด็นดังต่อไปนี้

1. สันนิบาตสหกรณ์จังหวัด สามารถสะสมเงินรายได้ฯ ซึ่งได้รับการจัดสรรหรือสนับสนุนในแต่ละปีงบประมาณไว้เพื่อดำเนินงานอย่างใดอย่างหนึ่งของ สสจ.ในปีงบประมาณต่อไปก็ได้

2. สสจ.สามารถนำเงินรายได้ที่รับจากสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยในปี 64 ไปใช้สนับสนุนการดำเนินงานของบุคลากรทางการแพทย์ หรือช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อนจากโรคระบาดเชื้อไวรัส โควิด - 19 จังหวัดละไม่เกิน 30,000 บาท

3. สสจ.ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนตามข้อที่ 2 โดยทำหนังสือถึงสันนิบาตสหกรณ์ฯ พร้อมหลักการและเหตุผล มายัง สสท. และจะต้องดำเนินการสนับสนุนฯหรือช่วยเหลือ ให้แล้วเสร็จ ภายในวันสิ้นปีงบประมาณ 2564 ของสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย

 


ดร.ปัณฐวิชญ์ มุ่งสมัครศรีกุล ผู้อำนวยการสันนิบาตสหกรณ์ฯ กล่าวถึงเรื่องการจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ ในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด - 19 ว่า สันนิบาตสหกรณ์ฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้จัดสรรงบประมาณพร้อมทั้ง ขอรับบริจาคจากสหกรณ์และทุกส่วน เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ โดยการมอบหน้ากาก
N95 ทางการแพทย์ และ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment : PPE) ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่สีแดงเข้มและควบคุมสูงสุด 13 จังหวัดตามประกาศของ ศบค.ในรอบแรก ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ สงขลา”  นอกจากนี้ล่าสุดเรายังได้จัดโครงการช่วยเหลือสหกรณ์แท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด – 19 โดยการจัดกิจกรรม ร่วมแจกอาหาร และน้ำดื่ม ให้แก่สมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ รับมอบโดย ผู้แทนชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแท็กซี่ จำกัด และบุคคลทั่วไปจำนวน 300 ชุด  เพื่อช่วยเหลือชุมชน และสังคม รวมทั้งยังเป็นกำลังใจ ให้สหกรณ์แท็กซี่ผ่านพ้นภาวะวิกฤตโควิด-19 อย่างเร็วที่สุด และเป็นไปตามหลักการสหกรณ์ข้อที่ 7 “สหกรณ์เอื้ออาทรต่อชุมชน” ซึ่งโครงการทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นไปตาม นโยบายของนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ที่มีนโยบายว่า “ สสท.จะไม่ทิ้งสหกรณ์ใด สหกรณ์หนึ่งไว้ข้างหลัง ” ซึ่งสสท. ยังจะมีโครงการที่เอื้ออาทรต่อสังคมและชุมชน และช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง




วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

"ครัวปันอิ่ม" เสริมพลังทีมแพทย์ รพ.สนามแสงแห่งใจ ปันรอยยิ้มชาวบางพลีสู้โควิด

 

"ครัวปันอิ่ม" เสริมพลังทีมแพทย์ รพ.สนามแสงแห่งใจ ปันรอยยิ้มชาวบางพลีสู้โควิด

 มูลนิธิธนินท์-เทวี เจียรวนนท์, มูลนิธิอริยวรารมย์, มูลนิธิพุทธรักษา, โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์, MQDC, อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค และทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล ร่วมกับจิตอาสา CPF และ ซีพี อินเตอร์เทรด เปิดตัวโครงการ "ครัวปันอิ่ม" ส่งมอบอาหารอุ่นร้อนพร้อมทาน เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กาแฟ และหน้ากากอนามัย ให้กับชาวบางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในภาวะวิกฤตโควิด รวมทั้งเป็นกำลังใจและแบ่งเบาภาระการจัดเตรียมอาหารแก่บุคลากรทางการแพทย์ รพ.สนามแสงแห่งใจ บางนา-ตราด




 “ครัวปันอิ่ม” เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนกว่า 100 องค์กรพันธมิตรในการมอบข้าวกล่อง 2 ล้านกล่อง นาน 2 เดือน ใน 40 จุดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนในหลายชุมชนที่ขาดรายได้ในระหว่างกักตัว

 






โดยนำอาหารกล่องและสิ่งของจำเป็นที่ประกอบด้วย ข้าวกะเพรากุ้ง เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กาแฟ และหน้ากากอนามัยซีพีไปมอบให้กับชาวบางพลีชุมชนบางแก้ว ชุมชนคลองคลองอาจารย์เกตุ และโรงพยาบาลสนามแสงแห่งใจ บางนา-ตราด เพื่อเป็นกำลังใจ แทนคำขอบคุณให้กับบุคคลทางการแพทย์ 





 

ส่งต่อพลังใจ...สู้ไปด้วยกันที่>> https://www.facebook.com/147486028615956/posts/4654635504567630/?d=n


 

ชมคลิป>> https://youtu.be/K0lGxZhAOJQ

 หมายเหตุ มีไฟล์ความละเอียดสูง >> https://we.tl/t-ygl8OsWb56

รมช.มนัญญา เปิดโครงการสหกรณ์ร่วมใจ ช่วยแท็กซี่ไทย สู้ภัยโควิด 19 มอบถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้งและผลไม้ บรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดรายได้

 รมช.มนัญญา เปิดโครงการสหกรณ์ร่วมใจ ช่วยแท็กซี่ไทย สู้ภัยโควิด 19 มอบถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้งและผลไม้ บรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดรายได้


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการ  “สหกรณ์ร่วมใจ ช่วยแท็กซี่ไทย สู้ภัยโควิด 19” โดยมีนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมด้วยนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และผู้แทนจากชุมนุมสหกรณ์บริการเดินรถแห่งประเทศไทย จำกัด และตัวแทนสหกรณ์แท็กซี่ เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ณ สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ เขตดุสิต กรุงเทพฯ



นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ติดตามสถานการณ์ความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์อย่างต่อเนื่องและได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือสหกรณ์และสมาชิกอย่างเร่งด่วน โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดทำโครงการ “สหกรณ์ร่วมใจ ช่วยแท็กซี่ไทย สู้ภัยโควิด 19” เพื่อมอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ขับรถแท็กซี่ที่เป็นสมาชิกของสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถุงยังชีพประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช นม น้ำดื่ม รวมทั้งเงาะ และมังคุด จากเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยเหลือขบวนการสหกรณ์ และเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดรับซื้อผลผลิตของพ่อค้าในพื้นที่ จากสถานการณ์ดังกล่าวด้วย


ปัจจุบันสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้โดยสารแท็กซี่ลดลงมากกว่า 50% ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย กระทรวงเกษตรฯ จึงได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น มีแนวทางใน 2 ด้านทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและด้านรายได้ เพื่อบรรเทาปัญหาในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงาน เพื่อให้คนขับรถบริการที่อยู่ในระบบสหกรณ์ ทั้งรถแท็กซี่ สามล้อเล็ก รถสองแถวหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เข้าสู่มาตรา 40 ของกฎหมายแรงงาน ให้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลคนละ 5,000 บาท และการเข้าสู่กระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งจัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสหกรณ์นอกภาคการเกษตร โดยจัดสรรเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ให้กู้ยืมไปประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ช่วงสถานการณ์โควิด



ด้านนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า สหกรณ์แท็กซี่มีจำนวน 59 แห่ง มีสมาชิก 50,974 คน มีจำนวนรถแท็กซี่ 19,555 คัน โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สมาชิกไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติมีผู้ใช้บริการลดลง ทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอต่อภาระค่าใช้จ่าย ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้สหกรณ์ บางส่วนไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ต้องคืนรถให้สหกรณ์ สหกรณ์จึงต้องแบกรับภาระหนี้รายเดือน และค่าเช่าที่จอดรถนับพันคัน ที่ผ่านมากรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเยียวยาช่วยเหลือสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโรคโควิด-19 ทั้งผลกระทบด้านภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพ และผลกระทบด้านการชำระหนี้สถาบันการเงิน รวมทั้งขอเข้าร่วมโครงการเยียวยาจากภาครัฐตามมาตรการต่างๆ แล้ว ซึ่งขณะนี้คาดว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความช่วยเหลือของแต่ละหน่วยงาน  

สำหรับปัญหาเรื่องที่จอดรถ ปัจจุบันสหกรณ์มีจำนวนแท็กซี่ที่จอดทิ้งเนื่องจากไม่มีคนขับประมาณ 5,000 คัน ซึ่งในเบื้องต้นกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดเตรียมพื้นที่ของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดปทุมธานีและศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที่ 1 และ 2 ให้จอดรถชั่วคราว รองรับรถแท็กซี่ได้ประมาณ 200 – 300 คัน นอกจากนี้ยังให้ประสานไปยังกรมธนารักษ์และการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือหาที่จอดรถให้เพียงพอกับจำนวนแท็กซี่ ขณะนี้ได้พื้นที่จอดภายในโรงงานยาสูบ จอดได้ 150 คัน บริษัท CAT เทเลคอม จังหวัดนนทบุรี จอดได้ 120 คัน ที่ซอยเสรีไทย 66 พื้นที่ 10 ไร่ และที่ในเขตหนองจอกสามารถจอดได้ประมาณที่ละ 1,000 คัน รวมทั้งพื้นที่ของหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กรมชลประทาน ปากเกร็ด ประมาณ 300 คัน 






“วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” เทศกาลสัตว์น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

  เปิดประสบการณ์ความมหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำกับ FISHTIVAL 2025   ที่ยกทัพพาเหรดสัตว์น้ำกว่า 3,000 ตู้ ในงาน “วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” ...