มส.ผส.แนะรัฐบาล เตรียมพร้อมรับมือสังคมผู้สูงอายุ ชี้ปี64
ตัวเลขผู้สู้อายุพุ้งสูงกว่าร้อยละ18 ของประขากรของประเทศไทยขณะที่" หมอ
ประเวศ "วอนสังคมให้ความสนใจผู้สูงอายุ ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
30
พ.ย. 2564 มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.)
จัดงานนำเสนอผลการวิจัยและเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะเพื่อเตรียมรองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์
ภายใต้แผนยุทธศาสตร์เป้าหมาย ด้านสังคม แผนงานศักยภาพและโอกาสของผู้สูงอายุ โดย
มีนพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย
เป็นประธานเปิดงานที่ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว
นพ.สมศักดิ์
กล่าวว่า จากข้อมูลสัดส่วนของผู้สูงอายุในประเทศไทยพบว่าเกินกว่าร้อยละ 10 ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี
2548 ซึ่งตลอด 14 ปี โดยปี2564
ประเทศไทยมีตัวเลขผู้สูงวัยกว่าร้อยละ18
ของประชากรรวมของประเทศซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 15
ในการก่อตั้งมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุ
ได้ส่งเสริมงานวิจัยและขับเคลื่อนคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งพัฒนาหลักสูตร
องค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมผู้สูงอายุในทุกรูปแบบ
ไม่ว่าการจะจัดองค์ความรู้
อบรมหลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงมหาวิทยาลัยในการจัดทำต้นแบบชุดหลักสูตรความรู้ที่เหมาะสมในการจตัดตั้งผู้สูงอายุ
และดำเนินการจัดทำรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุ
สำหรับการเตรียมพร้อมการที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ผ่านมาถึงปัจจุบันมีนโยบาย
แผน และแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมผู้สูงอายุมากมาย แต่เมื่อดูในเชิงปฎิบัติ
กลับพบว่า ไม่ได้มีการใช้สมาคม มูลนิธิ หรือกองทุนของผู้สูงอายุอย่างจริงจัง
เป็นการดำเนินการที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องจัดการเอง ซึ่ง 3
เรื่องที่ต้องเร่งเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีดังนี้ 1.ระบบสาธารณสุข
มุ่งเน้นการรักษา ป้องกันโรคปัจจุบัน
มากกว่าความถดถอยตามสภาพร่างกายของผู้สูงอายุและโรคเรื้อรังต่างๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุ
2.ระบบสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ
ยังไม่มีการกำหนดสวัสดิการรองรับผู้สูงอายุอย่างดี ทั้งการขนส่ง
สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ
หรือเรื่องเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุก็ยังไม่ชัดเจน รวมถึงสิทธิบัตรทอง
ระบบการรักษาพยาบาลต่างๆ และ3.ระบบงบประมาณในการส่งเสริมพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุ
จากนี้ไปรัฐบาลควรจะหันมาให้ความสนใจในการกำหนดนโยบายในการรองรับ
กลุ่มผู้สูงวัยให้มีความชัดเจนกว่าที่เป็นอยู่
โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการผู้สูงวัยทั้งระบบ
โดยจะต้องมีการสร้างกลไกให้เกิดหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบในการดูแลผู้สูงกว่าที่เป็นอยู่
รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งทางด้านสังคม
เพื่อให้ครอบครัวสามารถที่จะดูแลผู้สูงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"รัฐบาลควรให้ความสนใจในการกำหนดแนวทางในการดูแลผู้สูงวัยให้มีความชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการต่าง
ๆ ขณะเดียวกันควรให้ความสำคัญเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้สูงวัย
ที่สำคัญควรดูเรื่องของสังคมให้มั่นคงโดยจะต้องมีการสร้างความเข้มแข็งของสังคมให้เขารู้สึกดูแลผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะทำให้ไม่เป็นปัญหาในอนาคต โดยจะต้องมีหน่วยงานที่เข้ามาดูแลที่ชัดเจนมากขึ้น
แม้ว่าเราจะมีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติแต่ก็ยังไม่มีระบบที่ชัดเจนดังนั้นต้องเพิ่มบทบาทในการขับเคลื่อน
นโยบายและดำเนินการให้มากขึ้น "นพ.สมศักดิ์กล่าว
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนพ.ประเวศ
วะสี ราษฎร์อาวุโส กล่าวปาฐกถาพิเศษ
เรื่อง"ประเทศไทยต้องเดินแบบไหน ถึงจะใช้ชีวิตสูงวัยได้อย่างมีคุณภาพ" ว่า
ประเทศที่ถือว่าเป็นประเทศพัฒนาส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลผู้สูงวัยเป็นหลัก
และแนวโน้มทั่วโลกสังคมผู้สูงวัยก็มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องโดยสังคมปัจจุบันเท่ากับสังคมแบบ
99:1 คือ เป็นสังคมที่เหลื่อมล้ำสุดๆ การพัฒนาจะเป็นประโยชน์ต่อคนเพียงร้อยละ
1 ส่วนคนร้อยละ 99 ไม่ได้รับผลประโยชน์
ซึ่งสังคมไทยเป็นสังคมแบบตัวใครตัวมัน
ทั้งนี้สาเหตุที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากการพัฒนาแบบแยกส่วน
เศรษฐกิจ ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้งแต่เอาจีดีพีเป็นตัวตั้ง
ขณะที่การศึกษาไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง แต่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง
การพัฒนาแบบนี้จะนำไปสู่การเสียสมดุลในทุกมิติ ทำให้ชีวิตถูกทอดทิ้ง
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กและคนพิการ ขณะนี้ผู้สูงวัยในไทย จน แก่ ป่วย
ถูกทอดทิ้งเปลี่ยวเหงา รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ และการเข้าถึงบริการต่าง ๆ
ก็มีราคาแพง เมื่อผู้สูงอายุรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์จะกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
ทั้งที่ผู้สูงอายุมีประโยชน์ มีประสบการณ์มากมาย
ภาครัฐต้องเร่งแก้ไขให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่าย ดีและมีคุณภาพ
มีบริการที่ฟรีแก่ผู้สูงอายุให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปด้วย