วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566

 



กระทรวง อว. จับมือ รร.นายร้อยตำรวจ ป้องกันอาชญากรรมทั้งการกระทำความผิดและการตกเป็นเหยื่อในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทักษะเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญเหตุและสร้างระบบสภาพแวดล้อมในพื้นที่  




เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมในเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ” ระหว่างกระทรวง อว. กับ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วม ทั้งนี้ มี ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. และ พล.ต.ท.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นผู้ร่วมลงนาม ที่สำนักงานปลัดกระทรวง อว.




ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสภาวการณ์ของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมมีการพัฒนารูปแบบไปตามยุคสมัยและถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวบุคคลและความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังนั้นการจัดการกับปัญหาโดยเฉพาะการป้องกันจึงเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการบ่มเพาะกำลังคนสมรรถนะสูงที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศในอนาคตในการนำองค์ความรู้และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้สำหรับการป้องกันอาชญากรรมให้ครอบคลุมทั้งมิติของการป้องกันการกระทำความผิดและมิติของการป้องกันการตกเป็นเหยื่อ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม 



ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมและการประยุกต์ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับการป้องกันอาชญากรรรมในเครือข่ายมหาวิทยาลัย
ทั่วประเทศและเพื่อสร้างระบบสภาพแวดล้อมการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมทั้งส่งเสริมทักษะการเอาตัวรอดแก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย นักศึกษาหรือประชาชนในพื้นที่โดยรอบ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการค้นคว้าวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมทางสังคมที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะในกระบวนการป้องกันอาชญากรรมทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค โดยความร่วมมือดังกล่าวมีระยะเวลา 3 ปี 




ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางวิชาชีพตำรวจ     มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อผลิตบุคลากรในวิชาชีพตำรวจ ตามความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเน้นทักษะความเชี่ยวชาญ ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และวิชาชีพตำรวจเป็นสำคัญ รวมทั้งสนับสนุนทางด้านวิชาการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในปัจจุบันโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีนโยบายด้านการส่งเสริมวิชาการ การเรียนการสอน การทำวิจัยการฝึกอบรม และการบริการทางวิชาการแก่สังคม เน้นทักษะความเชี่ยวชาญด้านการบังคับใช้กฎหมายและวิชาการตำรวจ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ องค์ความรู้ และทักษะประสบการณ์ อันจะนำมาซึ่งการอำนวยประโยชน์ทางวิชาการระหว่างหน่วยงาน การบูรณาการสหศาสตร์ และการต่อยอดทางองค์ความรู้ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะการดำเนินการร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการบ่มเพาะกำลังคนสมรรถนะสูงที่จะเป็นกำลังหลักของประเทศในอนาคต







ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมมีแนวโน้มของความรุนแรงและมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยสิ่งที่สะท้อนได้อย่างชัดเจนคือ สถิติคดีอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีและข่าวสารที่สื่อแขนงต่างๆ มีการนำเสนอข่าวการตกเป็นเหยื่อคดีอาชญากรรม และความเสียหายจากปัญหาอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง แม้สังคมต้องประสบกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ปัญหาอาชญากรรมที่มีการวิวัฒนาการตามการเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคม เพราะถือเป็นภัยใกล้ตัวที่อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อบุคคล และความสงบเรียบร้อยของสังคมในภาพรวม ดังนั้น การจัดการกับปัญหาอาชญากรรม จำเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งในเชิงวิชาการและเชิงปฏิบัติการ เพื่อระดมองค์ความรู้ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี และบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ในการค้นคว้าวิจัย และการสร้างนวัตกรรมที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะการจัดการกับปัญหาอาชญากรรม ที่จะต้องดำเนินการให้ครอบคลุม ทั้งในมิติของการป้องกันการกระทำความผิด และมิติของการป้องกันการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม ในรูปแบบต่างๆ ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น อาทิ การฉ้อโกงออนไลน์ การหลอกลงทุน คอลเซ็นเตอร์ การกราดยิง เป็นต้น




“โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการป้องกันอาชญากรรม สามารถที่จะเข้ามามีบทบาทในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่นักศึกษา อาจารย์ บุคลากร และประชาชนทั่วไป ในการป้องกันการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะการให้วัคซีนทางไซเบอร์ เพื่อให้มีความรู้เท่าทันอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายและสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมปัจจุบัน การจับมือร่วมกันในครั้งนี้ ได้เล็งเห็นความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม รวมทั้งการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงาน อันจะก่อให้เกิดความเข้มแข็งทางองค์ความรู้ และสามารถนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้สำหรับการป้องกันอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างเสริมให้สังคมปลอดภัยจากอาชญากรรม มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว

 

//////////////

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2566

“สหพันธ์ผู้นำเข้าเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง” ร้องพาณิชย์ทบทวนเอดี หลังใช้มานาน 20 ปี


สหพันธ์ผู้นำเข้าเหล็กฯ เข้ายื่นหนังสือถึงกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  ที่ต่ออายุมาเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ตลอดจนผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ส่อขัดเจตนารมณ์ของกฎหมาย เอื้อกลุ่มทุนข้ามชาติ ให้ทบทวนเอดีในสินค้าเหล็ก มองว่าใช้มานาน 20 ปีแล้ว อุตสาหกรรมในประเทศสามารถแข่งขันได้แล้ว





วันที่ 9 มีนาคม 2566 นายพันธนวุฒิ ถิ่นคำแบ่ง ประธานสหพันธ์ผู้นำเข้าเหล็กและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ตนเป็นตัวแทนผู้ประกอบการมายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อ “ขอให้ทบทวนแนวทางการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (Anti-dumping : AD) หรือเอดี ซึ่งสินค้าจากต่างประเทศสินค้าประเภทเหล็ก”


โดยให้ยุติการใช้มาตรการทั้งหมด หรือลดขอบเขตลงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตหลังคาเหล็ก เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ มีการแข่งขันที่เป็นธรรม สามารถเลือกใช้สินค้าจากต่างประเทศได้ โดยมีนางสาวจิตติมา ศรีถาพร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้มารับหนังสือ




ทั้งนี้ที่ผ่านมา สินค้าเหล็กหลายรายการ มีการบังคับใช้มาตรการ เอ-ดี และต่ออายุนานเกินระยะเวลาปกติตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว โดยเฉพาะเหล็กกล้าไร้สนิมรีดเย็น และเหล็กแผ่นรีดร้อน ที่บังคับใช้มาประมาณ 20 ปีแล้ว จึงมองว่านานพอที่อุตสาหกรรมภายในจะได้ปรับตัว และพัฒนาให้สามารถแข่งขันได้แล้ว


“จากที่กังวลว่าจะกระทบอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์นั้น ข้อเท็จจริง ตัวถังรถยนต์ ไม่ได้ใช้แผ่นเหล็กที่ผลิตในประเทศ รวมทั้งเครื่องยนต์และอุปกรณ์สำคัญหลายส่วน ยังจำเป็นต้องพึ่งพานำเข้า มีเพียงส่วนประกอบย่อย เช่น ขาเบรก หรือบานพับ และอื่น ๆ ที่ใช้เหล็กที่ผลิตในประเทศเท่านั้น”




ส่วนที่มีการอ้างว่าไทยควรบังคับใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆอาทิ สหรัฐอเมริกา เนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็ก มีความสำคัญเชื่อมโยงกับความมั่นคงของประเทศนั้น ย้ำว่า ประเทศที่บังคับใช้มาตรการฯนี้ล้วนมีทั้งสินแร่เหล็ก ถ่านหิน เป็นประเทศอุตสาหกรรมหนักชั้นนำของโลก มีโรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ขนาดใหญ่ มีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและกำลังคน ซึ่งแตกต่างจากไทย ที่ไม่มีสินแร่เหล็ก ถ่านหิน แต่เป็นโรงเหล็กขั้นปลายน้ำเท่านั้น


นายพันธนวุฒิกล่าวว่า สำหรับการปกป้อง คุ้มครอง และส่งเสริม ผู้ประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศนั้น สามารถดำเนินการได้ด้วยมาตรการอื่นได้ เช่น การส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าเหล็กที่ผลิตภายในประเทศ (Made in Thailand: MIT) มากขึ้น การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาคุณภาพสินค้า การส่งเสริมให้โรงงานในประเทศผลิตเหล็กเกรดพิเศษให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค การส่งเสริมให้เกิดโครงสร้างการผลิตที่ครบวงจร การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) การส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในภาคอุตสาหกรรมหนักเพื่อช่วยลดตันทุนการผลิตเหล่านี้ จะเป็นมาตรการในเชิงบวก และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนมากกว่า


กรณีที่ผู้ผลิตเหล็กในประเทศ ไปร้องให้พิจารณาออกมาตรการเอ-ดี จากต่างประเทศ เพราะขายในราคาถูกกว่า และคุณภาพไม่ได้มาตรฐานนั้น เสนอให้ภาครัฐออกมาตรฐานอุตสาหกรรมบังคับ โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. จะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า สินค้าที่มีการอ้างว่า ทุ่มตลาดเข้ามาในไทยไม่มีคุณภาพจริงหรือไม่ รวมถึงราคาเหล็กในประเทศ ทำไมจึงสูงกว่าต่างประเทศ ตามที่อ้างกันว่าราคาจากประเทศต้นทางสูง

แต่มาขายในไทยต่ำกว่า ที่จะต้องหาข้อเท็จจริงตรงนี้ด้วย ซึ่งการใช้มาตรการ AD ก็เหมือนกับการผลักภาระให้ผู้บริโภค ซึ่งก่อนหน้านี้ เพิ่งมีการออกมาตรการ AD นำเข้าเหล็กแผ่นเคลือบอะลูมิเนียมผสมสังกะสีทาสี (PPGL) จากจีน สูงถึง 40.77% ทำให้ผู้ผลิตอุตสาหกรรมในประเทศสู้ราคาไม่ไหว จึงไม่มีการนำเข้ามาแล้ว


ด้านนายชวลิต กาญจนาคาร ประธานสมาพันธ์ผู้บริโภคหลังคาเหล็กไทย กล่าวว่า ทำไมคนไทยต้องใช้ของแพง จากการตั้งภาษี AD ที่สูง ทำให้โรงงานไม่กล้าสั่งเหล็กมาผลิต ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ยอดขายหายไป 50% ซึ่งกระทบกับโรงงานผลิตหลังคาในประเทศที่อาจจะอยู่ไม่รอด กว่า 1,800 โรงงาน มีแรงงานประมาณ 10 คนเป็นอย่างน้อย ดังนั้นควรเปิดให้เป็นการค้าเสรี


แม้อุตสาหกรรมภายในจะเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องปกป้อง แต่หลายรายเป็นกลุ่มทุนข้ามชาติที่เข้ามาดำเนินธุรกิจเพื่อหารายได้จากราชอาณาจักรไทย แต่ผู้ใช้เหล็กซึ่งเป็น SMEs และผู้บริโภคขั้นสุดท้าย ก็เป็นสิ่งที่เจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการปกป้อง ดังนั้น การพิจารณาและตัดสินใจของหน่วยงานภาครัฐไทย จึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายของ SMEs และประชาชนชาวไทย

“วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” เทศกาลสัตว์น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

  เปิดประสบการณ์ความมหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำกับ FISHTIVAL 2025   ที่ยกทัพพาเหรดสัตว์น้ำกว่า 3,000 ตู้ ในงาน “วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” ...