รมว.กษ.ติดตามการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง
ปี 65 ในพื้นที่ภาคใต้
นายเอนก ก้านสังวร
ผู้อำนวยการสำนักเครื่องจักรกล กรมชลประทาน กล่าวว่า
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา
อิทธิพลของพายุและร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคใต้
ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ กรมชลประทาน ภายใต้การนำของนายประพิศ จันทร์มา
อธิบดีกรมชลประทาน ได้กำชับให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่ภาคใต้
บริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม
พร้อมเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำในลำน้ำต่าง ๆ
รวมทั้งเตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือกว่า 1,189 หน่วย
ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม อาทิ เครื่องสูบน้ำ 350 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ
440 เครื่อง รถแทรกเตอร์/รถขุด 196 คัน และเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่น ๆ อีก 203
หน่วย เป็นต้น เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ชุมชน
และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด
ทำให้ขณะนี้พื้นที่ส่วนใหญ่กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 13 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี
ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา พัทลุง ตรัง สตูล
ยะลา นราธิวาส และปัตตานี
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง
ปี 2565 ในพื้นที่ภาคใต้ กรมชลประทาน
ได้ดำเนินการตามมาตรการการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งปี 2564/65 ทั้ง 8 มาตรการ
อย่างเคร่งครัด โดยการเร่งเก็บกักน้ำและจัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง
พร้อมจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในพื้นที่
ตามลำดับความสำคัญของกิจกรรมการใช้น้ำ อาทิ การอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ
การสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน การเกษตร และการอุตสาหกรรม เป็นต้น
รวมทั้งวางแผนสนับสนุนการเพาะปลูกพืชในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยก่อนเป็นอันดับแรก
นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ
เพื่อสนับสนุนน้ำเตรียมแปลง และเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก สายรอง
ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมติดตามประเมินผลให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้
สิ่งสำคัญคือการสร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำ
โดยการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน ร่วมแรงร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่า
เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอใช้ไปจนถึงต้นฤดูฝนหน้า
ในการนี้ ดร.เฉลิมชัย
ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้มอบนโยบายให้ทุกโครงการชลประทานในพื้นที่ภาคใต้
วางแผนบริหารจัดการน้ำทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งให้ครอบคลุม
และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเตรียมพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือให้สามารถออกปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา
พร้อมวางแผนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า รวมทั้งติดตามและเร่งรัดงานโครงการต่าง ๆ
ที่ประชาชนได้ร้องขอมาในแต่ในพื้นที่
ที่สำคัญให้บูรณาการหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรฯ ในการทำงานร่วมกัน
และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบความคืบหน้างานต่าง ๆ
ของกระทรวงฯ อย่างต่อเนื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น