เกษตรกรเลี้ยงไก่ปลื้ม ผู้บริโภคเข้าใจกินเนื้อไก่เพิ่ม
ร่วมแก้ปัญหาประเทศยามวิกฤตหมูแพง
เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ทั่วประเทศ
รับอานิสงส์หลังผู้บริโภคหันกินเนื้อไก่ทดแทนเนื้อหมูเพิ่มมากขึ้น
ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการแก้ปัญหาประเทศจากหมูขาดแคลนและมีราคาแพง
ตลอดจนส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ฟื้นตัวหลังอุตสาหกรรมชะลอตัวยาวช่วงโควิด-19
นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า
สถานการณ์ความต้องการบริโภคเนื้อไก่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
จากการที่ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมหันไปหาโปรตีนทางเลือกอื่นที่มีคุณค่าทางอาหารและโภชนาการเทียบเท่าเนื้อหมูในราคาที่เหมาะสม
ซึ่งเนื้อไก่เป็นโปรตีนคุณภาพดีย่อยง่าย ที่สำคัญราคาถูกกว่าเนื้อหมูในขณะนี้ถึง 3 เท่า
ทำให้จูงใจผู้บริโภคในการเปลี่ยนไปหาเนื้อสัตว์ทดแทน
ซึ่งร้านอาหารและร้านอาหารตามสั่ง
มีการปรับวัตถุดิบจากเนื้อหมูมาเป็นเนื้อไก่มากขึ้นด้วย
“สมาคมฯ
ขอขอบคุณคนไทยแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ที่เข้าใจสถานการณ์และเลือกกินเนื้อไก่ทดแทนเนื้อหมู
ทำให้ผู้เลี้ยงมีตลาดรองรับเพิ่มขึ้น
ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาประเทศในยามวิกฤตขาดแคลนเนื้อหมูแล้ว
ยังช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่มีกำลังใจดำเนินธุรกิจต่อไป
หลังแบกภาระขาดทุนตลอดช่วงระยะเวลาโควิด-19
เกษตรกรพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลและสร้างแหล่งอาหารมั่นคงและยั่งยืน
ให้กับคนไทยในทุกสถานการณ์” นางฉวีวรรณ กล่าว
นางฉวีวรรณ
กล่าวว่า ความต้องการเนื้อไก่ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
โดยราคาเฉลี่ยหน้าฟาร์มปรับมาอยู่ที่ 37-39 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่คนเลี้ยงมีต้นทุน 36-38
บาทต่อกิโลกรัม แม้จะปรับไม่มากและเป็นราคาทรงตัวตั้งแต่ปลายปี 2564 แต่ก็ดีขึ้นกว่าช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
และดีกว่าเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 34-35 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันราคาไก่ทั้งตัวเฉลี่ยต่อกิโลกรัมอยู่ที่ 80 บาท อกไก่ 75 บาท น่องไก่ 65
บาท ซึ่งคาดว่าราคาน่าจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นตามปริมาณความต้องการในตลาด
ในระหว่างรอผลผลิตเนื้อหมูจากการเลี้ยงรอบใหม่อีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม
ภาคปศุสัตว์และอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ของไทย
ยังประสบกับปัญหาสำคัญคือต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นต้นทุนหลักประมาณ 60% ของต้นทุนการเลี้ยง
ซึ่งยังอยู่ในระดับสูงส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
โดยเฉพาะช่วงปี 2-3 ปีที่ผ่านมา
เกษตรกรต้องประสบกับการขาดทุนสะสมจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์
ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2564 ราคาปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 30-40%
รวมถึงปัจจัยการผลิตและการป้องกันโรคระบาดปรับราคาสูงขึ้น
ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย
ส่งผลให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนการบริหารจัดดังกล่าวมานาน
ซึ่งราคาเนื้อไก่ที่ปรับขึ้นนี้จะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ให้มีต้นทุนการผลิตที่เหมาะสมและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อไทยได้มาตรฐานสากลระดับโลก
และปฏิบัติตามแนวทางการผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม (Good Agricultural Practice : GAP) ได้รับการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์อย่างสม่ำเสมอ
เพื่อป้อนตลาดในประเทศและต่างประเทศ
สร้างหลักประกันให้กับผู้บริโภคเนื้อไก่ให้ได้รับโปรตีนคุณภาพดีและปลอดภัยอย่างยั่งยืน./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น