สสท. เสวนา ถกประเด็นร้อน ทุจริตในสหกรณ์ ชี้ทางรู้เท่าทันและป้องกัน
(วันที่ 20 มิถุนายน 2565) สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) จัดเสวนา หัวข้อ “ถามตรงๆกับจอมขวัญ สหกรณ์เขาทุจริตกันอย่างไร? แนวทางแก้ไขปัญหา ” เนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันสถาปนา 54 ปี ณ ศูนย์การประชุมรัชนีแจ่มจรัส ถนนพิชัย เขตดุสิต สันนิบาต สหกรณ์ฯ เพื่อร่วมถกประเด็นทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานสหกรณ์ รวมถึงหาแนวทางป้องกันแก้ไข ปัญหาการบริหารจัดการสหกรณ์ที่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตในสหกรณ์มาตรการควบคุมภายในด้านป้องกันการทุจริตและด้านตรวจสอบความเสี่ยงและสัญญาณเตือนภัยเมื่อเกิดการทุจริตในองค์กรผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย นายไพบูลย์ แก้วเพทาย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสหกรณ์ และนาย สิรวิชญ์ ไพศาสตร์ ที่ปรึกษาสันนิบาตสหกรณ์ฯ โดยมี นางสาวจอมขวัญ หลาวเพ็ชร ร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการ รวมถึงคณะกรรรมการฯ สสท. ร่วมเป็นเกียรติ
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า แม้ว่าสหกรณ์จะไม่ใช่องค์กรทุนนิยมที่แสวงหาผลกำไรแต่มีการเติบโตต่อเนื่องมียอดเงินรวมสหกรณ์ทั่วประเทศที่ 3.58 ล้านๆบาท
ความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตในสหกรณ์ปัจจุบัน
ณ วันที่ 1 มิ.ย. 65 กว่า 18,000 ล้านบาท รวมสหกรณ์ได้รับความเสียหาย
คงเหลือ 252 แห่ง เทียบกับสหกรณ์ทั่วประเทศไทย คิดเป็น 0.5% โดยการทุจริตมักเกิดใน
3 รูปแบบ 1. ทุจริตด้านเงินฝากเกิดจากการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ตกแต่งตัวเลขเงินฝาก
เช่นยอดเงินในสมุดฝากของสมาชิกไม่ตรงกับในระบบ การป้องกันที่ดีคือ
กรรมการสหกรณ์ต้องมีระบบสอบทานเงินฝากให้กับสมาชิกรับทราบโดยตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ
2. ทุจริตด้านเงินกู้สมาชิก การปลอมแปลงสัญญา ซึ่งสมาชิกไม่ได้กู้จริง 3.
ทุจริตเชิงนโยบาย เช่น จัดทำโครงการแล้วอาศัยช่องว่าง
เช่นโครงการตั๋วปุ๋ยเป็นร้อยล้านแต่ไม่มีปุ๋ยเข้ามาจริง
ซึ่งภาครัฐพยายามสร้างความตระหนักรู้รวมถึงสร้างกลไกที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เช่นปรับกฎหมาย ระเบียบ
ไม่เปิดโอกาสให้มีการทุจริต
อย่างไรก็ตามการตรวจสอบภายในของสหกรณ์เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดก่อนถึงผู้สอบบัญชี
อีกทั้ง ปัจจุบันสหกรณ์มีโปรแกรมบัญชีของเอกชนที่มีมาตรฐานหลากหลายสหกรณ์สามารถนำมาใช้ได้
ช่องว่างคือ ฝ่ายจัดการที่รู้ระบบสามารถแก้ไขตัวเลขได้หากไม่มีระบบ IT AUDIT และให้เชิญชวนสมาชิกตรวจสอบเงินตัวเองด้วยการใช้
Mobile Application
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม
ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ระบบสหกรณ์คือธุรกิจฐานรากจะเกิดการทุจริตแม้จะเพียงแค่ครึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ควรเกิดขึ้นภาค
รัฐต้องให้ความสำคัญ หาวิธีเตือนให้สหกรณ์รู้เท่าทัน
โดยเฉพาะการทุจริตเชิงนโยบายเริ่มเข้ามาในขบวนการสหกรณ์ สิ่งจำเป็นสุดตอนนี้คือ
กำกับที่บุคคลเน้นระบบธรรมาภิบาล
สร้างอุดมการณ์สหกรณ์เพราะคนคือกลไกสำคัญซึ่งทำงานควบคู่กับระบบการ
สร้างธรรมาภิบาลในองค์กร ยังเป็นตัวที่ช่วยในการสร้างจิตสำนึกในการบริหารสหกรณ์
ผมมั่นใจว่าคนเก่งนั้นหาไม่ยาก แต่ที่ยากคือคนดี
ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องติดอาวุธทางปัญญาเพื่อลดการทุจริตในสหกรณ์
และให้ทุกคนทราบถึงระบบการเตือนภัยการทุจริต ที่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมตรวจสอบได้ไม่ยาก
ซึ่งสันนิบาตสหกรณ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ จัดกิจกรรมเสวนา
เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันสถาปนาสันนิบาตสหกรณ์ เพื่อช่วยลดการทุจริต
พร้อมทั้งกล่าวว่า หากคณะกรรมการ ตลอดจนสมาชิกสหกรณ์มีความรู้อ่านงบฯได้
เข้าใจถึงสัญญาณเตือน ความผิดปกติในการบริหารจัดการสหกรณ์
ก็จะทำให้เกิดการตรวจสอบภายในสหกรณ์ที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้
และขอยืนยันว่า
สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยจะไม่ทิ้งสหกรณ์ไทยสหกรณ์ข้างหลัง"
นาย สิรวิชญ์ ไพศาสตร์
ที่ปรึกษาสันนิบาตสหกรณ์ฯ สิ่งที่ผู้บริหารสหกรณ์ต้องทำคือ
วางระบบการป้องกันระบบการค้นพบการทุจริตให้ได้ การทุจริตในสหกรณ์เกิดได้ตั้งแต่
สมาชิก ฝ่ายจัดการ ฝ่ายบริหาร ส่วนการทุจริตเชิงนโยบายสามารถป้องกันได้
เช่นการไม่ให้กรรมการที่มีส่วนได้เสียพิจารณาและระบบ สหกรณ์ขาด ระบบ IT AUDIT หรือที่เรียกว่าการตรวจสอบการควบคุมการจัดการภายในหรือการตรวจสอบข้อมูลระบบ
และตั้งข้อสังเกต ว่า
ระบบการจ่ายค่าตอบแทนในสหกรณ์ค่อนข้างต่ำอาจจะเป็นเหตุให้เกิดการทุจริตการพิจารณาค่าตอบแทนจึงควรเป็นไปอย่างเหมาะสม
และระบบผู้ตรวจสอบในสหกรณ์ ถูกคัดเลือกจากคณะกรรมการในเบื้องต้น ผู้ตรวจสอบอาจจะไม่มีความอิสระพอทางความคิดและเกิดระบบความเกรงใจ
ไม่สร้างผู้ตรวจสอบระดับมืออาชีพ
นายไพบูลย์ แก้วเพทาย
ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสหกรณ์ กล่าวว่า คน ,ระบบ
,การกำกับตรวจสอบ
คือ 3 องค์ประกอบการทุจริต จึงควรต้องมีระบบที่ดี 3 ระบบ 1. ธรรมาภิบาล
2.การบริหารความเสี่ยง 3.ระบบการตรวจสอบภายใน เช่น สหกรณ์ต้องมี ระบบ Check
and Balance หรือระบบตรวจสอบตรวจทาน เช่น Mobile App สามารถตรวจได้ว่าเงินในสมุดคู่ฝากตรงกับในระบบ วางระบบให้สมาชิกตรวจสอบได้
ดังนั้นการจัดเสวนาทางวิชาการ
เรื่องถามตรงๆกับจอมขวัญสหกรณ์เขาทุจริตกันอย่างไรฯ
จึงเป็นการนำเนื้อหาสาระและข้อสรุปของการหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ทั้งภาครัฐ สันนิบาตสหกรณ์ฯ และขบวนการสหกรณ์
ที่ต้องจับมือต้านทุจริต ส่งเสริมคนดี และสร้างความเป็นธรรมให้สมาชิกสหกรณ์
เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชนทั้งประเทศต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น