กุ้งไทยมาตรฐานโลก แล้วจะนำเข้ากุ้งเอกวาดอร์-อินเดีย
มาสวมแบรนด์ไทยเพื่ออะไร
อุตสาหกรรมกุ้ง
มีประเด็นให้ติดตามอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่ากรมประมงไทย อนุมัติให้นำเข้ากุ้งจาก 36 ฟาร์มในเอกวาดอร์
และยังมีข่าวว่ากุ้งอินเดียก็ได้รับการอนุมัติให้สามารถนำเข้าได้เช่นกัน
เรื่องนี้น่าแปลกตรงที่
เหตุไฉนทางการไทยจึงไม่มีการเปิดเผยข่าวเรื่องการอนุมัติให้นำเข้าทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ของคนในวงการกุ้ง
จะมีก็แต่เพียงประชาสัมพันธ์ประกาศกรมประมง แขวนในเว็บไซต์กรมฯเท่านั้น
หากทางการเอกวาดอร์ไม่ออกข่าว จนสื่อดังอย่าง intrafish
seafoodnews เผยแพร่ข่าวนี้
ป่านนี้คงยังไม่มีใครรู้ว่ากุ้งนอกบุกไทยแล้ว
กระทั่ง
อธิบดีกรมประมง ต้องออกมายอมรับเองว่า
“กรมประมงอนุญาตให้ผู้ประกอบการห้องเย็นละโรงงานแปรรูปสามารถนำเข้ากุ้งทะเล
จากสาธารณรัฐเอกวาดอร์และสาธารณรัฐอินเดียได้แล้วเป็นเรื่องจริง”
● กุ้งไทย เบอร์ 1 กุ้งโลก
ด้วยคุณภาพมาตรฐาน
ประเทศไทยเคยรั้งตำแหน่งประเทศผู้ผลิตและส่งออกกุ้ง
รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูป เป็นอันดับ 1
ของโลก ในช่วง 10 ปีก่อน ก็ด้วยคุณภาพ มาตรฐาน
และความปลอดภัยทางอาหาร ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าทั่วโลก
ไทยจึงกลายเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกกุ้งของโลก ทำรายได้เข้าประเทศจากส่งออกเป็นมูลค่ากว่า
1 แสนล้านบาท แต่การมาของโรคกุ้งตายด่วน
หรือกลุ่มอาการตายด่วน (Shrimp Early Mortality Syndrome : EMS) เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า กลุ่มอาการตับและตับอ่อนตายเฉียบพลัน (Acute
Hepatopancreatic Necrosis Syndrome : AHPNS) ก็สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตกุ้งทะเลของไทย
ทำให้ผลผลิตกุ้งหายไปกว่า 80 % ปัจจุบันผลผลิตที่ได้ทั้งประเทศเหลือประมาณหนึ่งในสาม
ของผลผลิตสูงสุดที่เกษตรกรไทยเคยผลิตได้เมื่อปี 2553 ที่ 6.4 แสนตัน
● ฤาเป้าหมาย 4 แสนตัน
ไกลเกินเอื้อม?
ในห้วง
10 ปีมานี้ที่ไทยเกิดวิกฤติกุ้ง คำถามสำคัญคือ
กรมกองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทำอะไรอยู่? การจัดการกับปัญหาทั้งเรื่องการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคคุณภาพสูง
และการเร่งพัฒนาการเลี้ยงให้มีประสิทธิภาพ เกิดขึ้นแล้วหรือยัง? เพราะต้องไม่ลืมหมุดหมายสำคัญที่ทั้งเจ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และกรมประมง ได้รับปากและยืนยันว่าจะช่วยผลักดันอย่างเต็มที่
ให้ไทยสามารถผลิตกุ้งให้ได้ปีละ 4 แสนตัน ภายในปี 2566 เพื่อทวงคืนโอกาสที่เกิดจากความเสียหายของอุตสาหกรรมกุ้งไทย
จากการระบาดของโรคกุ้งให้กลับคืนมา โดยผลผลิตที่ลดลงคิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 5 แสนล้านบาท หรือเฉลี่ยหายไปปีละ 1 แสนล้านบาท
และผลักดันกุ้งให้กลับมาเป็นสินค้าสำคัญของประเทศ
แต่หลังจากประกาศกลยุทธ์ส่งเสริมการผลิตกุ้ง
4 แสนตันไปแล้ว
กลับไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนแผนงานการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
ทั้งเรื่องวัคซีนที่มีคุณภาพ การวิจัยด้านการป้องกันโรค การยกระดับการเลี้ยงเพื่อเพิ่มผลผลิต
หรือแม้แต่สินเชื่อเพื่อการเกษตร ก็ไม่มีความคืบหน้า
ซ้ำร้ายยังไปสนับสนุนเกษตรกรของชาติคู่แข่งสำคัญทั้ง เอกวาดอร์และอินเดีย
ที่ไต่ระดับขึ้นมากลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่แทนกุ้งของไทยที่เคยส่งออกเป็นเบอร์ 1 ของโลก เบียดจนไทยมาอยู่อันดับ 6 ในวันนี้
● กุ้งเอกวาดอร์-อินเดีย รีแพ็คเมดอินไทยแลนด์
ภายใต้หลักการคลังสินค้าทัณฑ์บน
วันนี้สิ่งที่เกษตรกรได้รับคือ
การมาของกุ้งนอก จากฝีมือของภาครัฐที่ควรดูแลเกษตรกรไทย
ด้วยการประกาศนำเข้ากุ้งภายใต้หลักการ คลังสินค้าทัณฑ์บน เป็นการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตและส่งออกอย่างเดียว
100%
ซึ่งเป็นเรื่องที่สวนทางกับสถานะการเป็นผู้ผลิตและส่งออกกุ้งชั้นนำของไทย
ทั้งที่ไทยเป็นผู้ส่งออกกุ้งที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content :
LC) เกือบ 100%
เพื่อครองความผู้นำด้านคุณภาพความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์กุ้งไทย ที่ยังคงเป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ทั่วโลกมั่นใจ
และสามารถสร้างอาหารมั่นคงทางอาหารได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิต
คุณภาพกุ้ง รวมถึงความปลอดภัยอาหาร ไม่ได้สร้างได้ภายในวันเดียว
หากกุ้งเอกวาดอร์-อินเดีย รีแพ็คส่งนอกเกิดมีปัญหา ทำให้ “แบรนด์ไทยแลนด์”
ที่สร้างมาต้องเสียหาย ใครจะรับผิดชอบกับชื่อเสียงที่จะสูญเสียไป
ยังไม่นับกุ้งนอกที่มีโอกาสหลุดรอดมาในตลาดได้
ถึงเวลานั้นเกษตรกรย่อมได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แค่ช่วงปีนี้ที่ราคากุ้งร่วงลงมาต่อเนื่อง กับปัญหาโรคกุ้งที่ยังไม่คลี่คลาย
ก็ทำให้เกษตรกรหวั่นใจมากพอแล้ว
● เกษตรกรถามรัฐ ใยปล่อยนำเข้ากุ้งเอกวาดอร์และอินเดีย
ทำร้ายเกษตรกรไทย
ประธานชมรมกุ้งตรังพัฒนา
อักษร ขจรกาญจนกุล ถามแทนเกษตรกรที่ต่างประหลาดใจกับการตัดสินใจของกรมประมงว่า
ทำไมถึงมีการอนุมัตินำเข้ากุ้งจากเอกวาดอร์และอินเดียแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ผ่านมา
กรมฯ ปกป้องเกษตรกรมาตลอด เนื่องจากกุ้งนำเข้าจะทำให้ราคากุ้งไทยตกต่ำ
ไม่มีเสถียรภาพ ทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องโรคที่ติดมากับกุ้ง
รวมถึงเกิดปัญหาคุณภาพความปลอดภัย การปนเปื้อนของสารเคมีต้องห้ามและยาปฏิชีวนะ
จะสร้างความเสียหายกับผู้เลี้ยงและห่วงโซ่การผลิต รวมถึงผลประโยชน์ของประเทศ
และถามกลับว่าภาครัฐรวมถึงเกษตรกรบางส่วน อาจจะหลงลืมไปว่าในวันที่ไทยขอให้ทั้ง 2 ประเทศเปิดรับกุ้งไทยบ้าง
เขากลับยกเรื่องการดูแลเกษตรกรในประเทศเป็นข้ออ้าง กลับสร้างประโยชน์ให้คนชาติอื่น
เป็นการเหยียบซ้ำคนเลี้ยงกุ้งไทย
สำหรับแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นไปได้อย่างยิ่งคือ
ต้องกำหนดเป้าหมายการผลิตกุ้งในประเทศที่ชัดเจน
กรมฯต้องแก้ไขปัญหาโรคระบาดได้เบ็ดเสร็จ
มีรูปแบบแนวทางการเลี้ยงที่เหมาะสมกับเกษตรกรทุกกลุ่ม
ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงสินเชื่อจากแหล่งเงินทุน โดยภาครัฐและสถาบันการเงินสนับสนุนดอกเบี้ยพิเศษ
เพื่อเสริมสภาพคล่อง
ปรับโครงสร้างฟาร์มและโมเดลการเลี้ยงที่ตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
สร้างระบบมาตรฐานการผลิตตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรม
นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
รวมถึงสร้างช่องทางการขายและความได้เปรียบในการแข่งขัน
ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องหันกลับมา
ปกป้องดูแลเกษตรกรไทย อย่ามัวแต่อุ้มเกษตรกรเอกวาดอร์และอินเดีย
ภาครัฐต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้คนเลี้ยง และผลักดันการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
นโยบายและงบประมาณ ต้องทุ่มไปที่ต้นเหตุของปัญหา ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเกษตรกรที่เป้าหมาย
4 แสนตัน
ไม่ใช่แก้ปัญหาง่ายๆด้วยการนำเข้ากุ้งมาทุบซ้ำเกษตรกรไทย
อย่ารอให้เกษตรกรต้องตบเท้าไปทวงถามรัฐบาลถึงหน้ากรมกอง
หรือจะรอให้ท่านนายกรัฐมนตรีต้องระงับคำสั่งอนุมัตินำเข้าก่อน
จึงจะเริ่มแก้ปัญหาได้? ./
เขียนโดย : วัลลภา รุ่งไพรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น