วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567

อานิสงส์ ”กองทุนพัฒนาสหกรณ์” สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้

 



อานิสงส์ กองทุนพัฒนาสหกรณ์สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ เสริมแกร่งสมาชิกสหกรณ์กรป.กลาง นพค.บุรีรัมย์




 เหมือนได้ชีวิตใหม่คำกล่าวสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความของกนกวรรณ มาประจวบ  เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์การเกษตร กปร.กลาง นพค.บุรีรัมย์ จำกัด แห่งบ้านโคกใหญ่ ม.5 ต.ตาเป็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์  อดีตสาวโรงงานย่านชานเมืองกลับสู่บ้านเกิดที่จ.บุรีรัมย์ เมื่อ 4 ปีที่ก่อน โดยยึดอาชีพทำนา ปลูกผัก เลี้ยงปลา                  ตามประสาชาวบ้านหาเลี้ยงครอบครัวไปวัน ๆ



 กระทั่งมีโอกาสเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตร กปร.กลาง นพค.บุรีรัมย์ พร้อมการให้คำแนะนำ               ที่ดีจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์ ทำให้เริ่มมีความหวังทั้งเรื่องอาชีพที่หลากหลายและมีรายได้เพิ่ม รวมถึงด้านการตลาดและการเข้าถึงแหล่งทุน โดยเริ่มจากขอกู้เงินจากโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นา ซึ่งโครงการดังกล่าวกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรเงินกู้ให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร นำไปปล่อยกู้แก่สมาชิกแบบปลอดดอกเบี้ย                 ซึ่งกนกวรรณจึงได้ขอกู้มาพัฒนาระบบน้ำในผืนที่นาบนเนื้อที่ 3 ไร่ เพื่อให้สามารถ ปลูกผัก เลี้ยงปลาได้ ไม่ใช่แค่ทำนาอย่างเดียว



 มีที่ทั้งหมด 9 ไร่ทำนาอย่างเดียว ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ปีละครั้ง หลังเก็บเกี่ยวก็ปล่อยว่างก็ไม่ได้ใช้ทำอะไร ปัญหาก็คือน้ำไม่มี ปลูกอะไรก็ไม่ได้ หลังเข้าไปปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯเขาก็บอกว่ามีกองทุนให้สมาชิกกู้ยืมในโครงการสร้างระบบน้ำในไร่นา เราก็กู้มา 5 หมื่นบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการขุดบ่อเลี้ยงปลา ทำระบบน้ำในแปลงปลูกพืชผักพื้นบ้านต่าง ๆ เช่นหอม ผักชี บวกหอม บวบงู ส่วนในบ่อก็เลี้ยงปลานิล โดยใช้เนื้อที่ 3 ไร่เพื่อเป็นการทดลองก่อน ส่วนอีก 6 ไร่ยังทำนาปลูกข้าวเช่นเดิมกนกวรรณ เผย 

 ใช้เวลา 2 ปีกว่าเริ่มตั้งแต่ทำเรื่องกู้ยืมเงินสหกรณ์ในโครงการฯมาเป็นค่าใช้จ่ายในการพลิกฟื้นที่นามาเป็นแปลงเกษตรไร่นาสวนผสม จนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่รอรายได้จากการทำนาปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว ในที่สุดก็สามารถนำเงินที่กู้มาจำนวน 5 หมื่นบาทส่งคืนสหกรณ์จนหมด







 จากนั้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา เธอได้ทำการกู้ใหม่อีกครั้งในโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสมาชิกสหกรณ์จำนวน 30,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี รวมระยะเวลา 1 ปีโดยกำหนดส่งคืนทั้งหมดภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 เพื่อนำเงินก้อนดังกล่าวมาต่อยอดของเดิมและขยายพื้นที่เพิ่มเติมอีก 3 ไร่ รวมเป็น 6 ไร่ เหลือพื้นที่ไว้ปลูกข้าวเพียง 3 ไร่

 3 หมื่นที่กู้เอามาขยายพื้นที่เพิ่มจากเดิมมีแค่ 3 ไร่ขยายเพิ่มอีก 3 ไร่ ขุดสระเพิ่มอีกลูก แต่ไม่เสียเงิน                        เขาขุดให้ฟรี แต่เขาเอาดินไป เราได้บ่อน้ำ เงินที่กู้ก็เอามาซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก ซื้อลูกปลานิลลงไว้ 5,000 ตัว เมื่อปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนนี้เริ่มจับขายได้บ้างแล้ว แต่ตัวยังไม่ใหญ่มาก 3-4 ตัวโล ส่วนเรื่องตลาดไม่กังวล ทางสหกรณ์เขาจะดูแลให้จับเมื่อไหร่แจ้งล่วงหน้า 2 วัน จะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ่อ ส่วนผักที่ปลูกจะเป็นผักอินทรีย์ส่งให้กับ                    ทางสหกรณ์ ตอนนี้ส่งสัปดาห์ละ 2 วัน อังคารกับพฤหัส




 เธอยอมรับว่าผักที่ขายเองกับส่งให้กับทางสหกรณ์จะได้ราคาที่ต่างกัน อย่างเช่นบวบงูขายเองราคา                  กิโลกรัมละ 10 บาท แต่ส่งให้ทางสหกรณ์จะรับซื้อกิโลกรัมละ 26 บาท หรืออย่างชะอมขายเองกิโลกรัมละ 20-25 บาท ถ้าส่งให้สหกรณ์จะได้ราคากิโลกรัมละ 100  บาท ทำให้ผลผลิตที่ได้จะส่งขายให้กับทางสหกรณ์เกือบทั้งหมด เนื่องจากเราไม่เก่งเรื่องการตลาดภายนอกจะขายในตลาดตามหมู่บ้านอย่างเดียว 

  ด้าน อภิชัย จันทร์ศักดิ์ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์การเกษตร กรป.นพค.บุรีรัมย์ จำกัด กล่าวถึงโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพสมาชิกสถาบันเกษตรกรว่า สหกรณ์ฯได้ทำการกู้เงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์หรือกพส.จำนวน 2 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ1 ต่อปี เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา จากนั้นได้นำมาทำการปล่อยให้สมาชิกในโครงการฯกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ2 ต่อปี ขณะนี้มีสมาชิกทั้งหมด 801 ราย แต่มีสมาชิกที่สนใจขอกู้ไปทั้งสิ้น 57 ราย ๆ ละ 30,000 บาท  รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,710,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 290,000 บาทได้ส่งคืน                  กรมส่งเสริมสหกรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว 




 สมาชิกที่กู้ไปจะต้องแจ้งก่อนว่าเอาเงินก้อนนี้ไปทำเกี่ยวอะไร โดยคณะกรรมการฯจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 สัปดาห์ พร้อมกับลงพื้นที่ดูความเป็นไปได้นำมาประกอบในการพิจารณาในการกู้เงิน  สมาชิกกู้ไปปลูกผักอินทรีย์ 6 ราย เลี้ยงปลานิล 10 ราย ส่วนที่เหลือเลี้ยงโค โดยส่วนใหญ่ซื้อลูกโคมาขุนต่ออีกสักปีก็ขาย  ผักอินทรีย์ที่ปลูกส่วนใหญ่ก็จะเป็นผักบุ้ง ผักชี มะเขือ บวบหอม บวบ  บางรายปลูกไปแล้วเราก็มาส่งเสริมให้ปลูกเพิ่ม เลี้ยงปลา เลี้ยงโคก็เช่นกันเจ้าหน้าที่สินเชื่อคนเดิมระบุ

 อภิชัย เผยต่อว่า สำหรับเรื่องการตลาดนั้น ทางสหกรณ์จะรับดูแลทั้งหมด โดยผักอินทรีย์ได้เชื่อมโยงกับสหกรณ์การเกษตรโนนสุวรรณ จำกัด ส่งขายให้กับเอิร์ธเซฟและห้างโรบินสันสาขาบุรีรัมย์  ส่วนปลากับโค                           ก็ไม่มีปัญหา เพียงแค่สมาชิกแจ้งเข้ามายังสหกรณ์ล่วงหน้า 2-3 วัน ทางสหกรณ์ก็จะประสานไปยังพ่อค้าให้มารับซื้อถึงที่เช่นกัน







 เงินก้อนนี้จะส่งคืนจนถึง 31ม.ค.68 จากนั้นสมาชิกรายใดที่สนใจกู้ใหม่ก็สามารถทำเรื่องกู้ได้  เพราะเป็นเงินหมุนเวียนในโครงการเงินกู้ระยะสั้นปีต่อปีเจ้าหน้าที่สินเชื่อคนเดิมย้ำทิ้งท้าย

 นับเป็นความสำเร็จของสหกรณ์การเกษตร กปร.กลาง นพค.บุรีรัมย์ จำกัด ที่ได้นำเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์มาใช้ประโยชย์เพื่อพลิกฟื้นชีวิตเกษตรกรสมาชิกให้กินดีอยู่ดี ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรของสมาชิกสหกรณ์    

 

………………………………………………………………

เจาะวิธีแก้หนี้เสียสหกรณ์ออมทรัพย์ขรก.โคราช จัดหลักสูตรติวเข้มอาชีพเสริมเพิ่มรายได้สมาชิก

 



 

       “คนมีมาฝาก คนยากมากู้”สโลแกนนี้น่าจะใช้ได้กับสหกรณ์ลูกผสมอย่างสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการนครราชสีมา จำกัด แหล่งรวมสมาชิกมาจากหลากหลายสังกัด ภายใต้การนำของ ดร.ธีระชัย เทพนอก ประธานคณะกรรมการและนายสุริยะ ศักดิฐานนท์ รักษาการผู้จัดการสหกรณ์ฯ 

       แม้รายได้หลักมาจกาการปล่อยกู้แก่สมาชิก แต่ปัญหาที่ตามมาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือหนี้เสีย ถึงแม้ปัจจุบันไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ จะยังอยู่ในเกณฑ์ตามที่นายทะเบียนกำหนด  แต่หากไม่เตรียมการล่วงหน้าหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้กับสมาชิก อนาคตข้างหน้าอาจมืดมน หนีไม่พ้นหนี้เสียพุ่งแน่นอน




       “สหกรณ์นี้ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2522  เดิมเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ของอบจ.โคราช สมาชิกก็อยู่ในสังกัดอบจ.อย่างเดียว ต่อมาได้มีการหารือโดยผู้ว่าฯในขณะนั้นเป็นประธานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอยากจะเพิ่มสมาชิกมาจากหน่วยงานที่หลากหลายขึ้นทั้งอบจ. เทศบาล อปท.  พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการนครราชสีมา จำกัด เมื่อปี 2545 มาจนถึงปัจจุบัน” นายสุริยะ ศักดิฐานนท์ รักษาการผู้จัดการสหกรณ์ฯ ย้อนอดีตให้ฟัง  ปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ 4,000 ราย มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท




       ล่าสุดสหกรณ์ฯได้จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมอาชีพ(เสริม)ให้กับสมาชิกประจำปี 2567 โดยมุ่งเป้าไปที่ข้าราชการเกษียณแล้วและกำลังจะเกษียเพื่อจะได้มีอาชีพใหม่มีรายได้เพิ่มเติม                      แต่ก็ไม่ปิดกั้นสมาชิกข้าราชการทั่วไปเพื่อจะได้มีอาชีพเสริมหลังจากเลิกงานประจำ ล่าสุดมีสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมโครงการจำนวน 95 ราย กระจายไปตามหลักสูตรต่าง ๆ ที่ตัวเองสนใจ ไม่ว่าหลักสูตรเสริมสวย(แต่งหน้า-ทำเล็บ) หลักสูตรการแปรรูปอาหารเชิงธุรกิจ(แหนมกระดูกหมู น้ำพริกสูตรต่าง ๆ ) โดยมีวิทยากรมากประสบการจากวิทยาเทคนิคนครโคราชมาถ่ายทอดองค์ความรู้ พร้อมฝึกปฎิบัติจริง

       “สหกรณ์ฯตั้งงบฯไว้ 3 แสน โดยจัดสรรจากส่วนเป็นสวัสดิการให้สมาชิกมาใช้ดำเนินโครงการนี้ เป็นค่าวิทยากร ค่าวัสดุอุปกรณ์และอื่น ๆ  เป็นงบฯของสหกรณ์เอง ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้จัดสรรมาให้               เมื่อปลายปีที่แล้ว และได้นำมาดำเนินการในปีนี้(2567)  ฉะนั้นการอบรมทุกหลักสูตรทุกอย่างฟรีหมดสมาชิกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ  ค่าพาหนะเราก็ให้ เพราะบางรายอยู่ไกล มีปัญหาทางการเงิน”                  นายสุริยะ ศักดิฐานนท์ รักษาการผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการนครราชสีมา จำกัด กล่าว

 


 

 

       อย่างไรก็ตามบางหลักสูตรได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา อย่างเช่นหลักสูตรเสริมสวย แต่งหน้า-ทำเล็บ ขณะนี้ทำให้มีสมาชิกบางรายสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมได้แล้วโดยใช้เวลาหลังเลิกงานประจำ   เช่นเดียวกับหลักสูตรการแปรรูปอาหารเชิงธุรกิจการทำแหนมกระดูกหมู ที่จัดอบรมไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะนี้มีออเดอร์จากลูกค้าเป็นจำนวนมากจนทำแทบไม่ทัน  นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรยอดฮิตการทำเกษตรไร่นาสวนผสม ภายใต้โครงการ”โคกหนองนาโมเดล”ที่ได้รับความสนใจจากสมาชิกสูงสุด  ซึ่งจะมีการฝึกอบรมในวันที่  6  กรกฎาคม 2567 นี้ ณ ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยมีทีมวิทยากรจากวิทยาลัยเกษตรสีคิ้วมาถ่ายทอดองค์ความรู้ พร้อมพาไปดูงานในสถานที่จริง

       “แต่ละหลักสูตรรับไม่เกิน 20 ราย  มีหลักสูตรไร่นาสวนผสมนี่แหละได้รับความสนใจจากสมาชิกเป็นจำนวนมาก สมัครเข้าถึง 80 ราย  สมาชิกที่สมัครเข้าในแต่ละหลักสูตรส่วนใหญ่เขาทำอยู่แล้วเพียงแต่มาต่อยอดองค์ความรู้เพิ่มเติม มีจำนวนน้อยที่เริ่มต้นจากศูนย์ ส่วนเงินกู้ที่นำไปลงทุนนั้น                      ไม่สามารถกำหนดวงเงินได้ขึ้นอยู่กับการประเมินความเสี่ยงแต่ละราย  สมาชิกบางรายที่ก็กู้เกือบเต็มเพดานแล้ว หรืออย่างหลักสูตรไร่นาสวนผสมถ้าสมาชิกรายใดสนใจกู้ก็สามารถนำที่ดินมาจำนองกับสหกรณ์ได้ จากนั้นทางเราก็จะมีช่างเขียนแบบไปทำการออกแบบพื้นที่โครงการและประเมินงบประมาณให้”




       นายสุริยะยอมรับว่าการจัดทำโครงการนี้ขึ้นมาก็เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มพูนรายได้ให้กับสมาชิก  ด้วยการหาอาชีพเสริม ผ่านโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือการดำรงชีพ พ.ศ.2567 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์แผนพัฒนาสหกรณ์ระดับประเทศ 5 ปี   ส่วนรายได้หลักของสหกรณ์ปัจจุบันจากการบริหารเงินลงทุนจากภายในนอก  ส่วนภายในมาจากการถือหุ้น การฝากเงินและการกู้เงินของสมาชิก

       นับเป็นอีกก้าวในการช่วยเหลือสมาชิกให้มีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ผ่านโครงการฝึกอบรม                       เชิงปฏิบัติการส่งเสริมอาชีพ(เสริม)ประจำปี 2567 ของสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการนครราชสีมา จำกัด นำมาซึ่งการบรรเทาปัญหาช่วยลดหนี้เสียของสหกรณ์ ทำให้สหกรณ์มีธุรกิจที่ความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับสมาชิกสหกรณ์อีกด้วย

 

“วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” เทศกาลสัตว์น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

  เปิดประสบการณ์ความมหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำกับ FISHTIVAL 2025   ที่ยกทัพพาเหรดสัตว์น้ำกว่า 3,000 ตู้ ในงาน “วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” ...