ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ร้องราคาข้าวโพดพุ่งสูงกระทบทั้งระบบ เร่ง
“พาณิชย์” ใช้กลไกการตลาดบริหารราคาห่วงโซ่การผลิตอาหาร
วงการผลิตอาหารสัตว์
ร้องกระทรวงพาณิชย์ “ปลดล็อก” มาตรการคุมราคาสินค้าตั้งต้นทางจนถึงปลายทาง
ปล่อยราคาอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์ให้เป็นไปตามกลไกตลาด หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน
กระทบหนักทำวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ขาดแคลนและราคาสูงเป็นประวัติการณ์
หวั่นเกิดผลกระทบต่อห่วงโซ่ภาคการผลิตอาหารทั้งระบบและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
รายงานข่าวจากวงการผู้ผลิตอาหารสัตว์
กล่าวว่า วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลกเท่านั้น
แต่ยังกระทบความมั่นคงทางอาหารของผู้บริโภคทั่วโลกด้วย เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ เป็นผู้ผลิตธัญพืชสำคัญของโลกทั้ง
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวสาลี ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารสัตว์
ส่งผลให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้น 14% และข้าวสาลีพุ่งขึ้น 43% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564
ในกรณีที่สงครามยืดเยื้อราคาจะปรับสูงขึ้นไม่หยุด และหากภาครัฐไม่มีมาตรการสนับสนุนภาคการผลิต
จะเกิดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและมีราคาสูงมาก
และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพของประชาชน
ขณะนี้
ผู้ผลิตอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาข้าวโพดปรับตัวสูงขึ้นมากตามราคาตลาดโลก
ขณะที่ราคาอาหารสัตว์และเนื้อสัตว์เป็นสินค้าควบคุมราคาภายใต้มาตรการของกระทรวงพาณิชย์
ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักเดือนธันวาคม 2564 เทียบกับเดือนมีนาคม 2565 ราคาข้าวโพดปรับเพิ่มจาก 10.05 บาท/กก. เป็น 12.65 บาท/กก. ข้าวสาลีนำเข้าจาก 8.91 บาท/กก. เป็น 12.75 บาท/กก.
และกากถั่วเหลือจากเมล็ดนำเข้าเพิ่มจาก 19.50 บาท/กก. เป็น 22.50 บาท/กก. (เพิ่มขึ้น 15%) ในอนาคตอันใกล้หากอาหารสัตว์ไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนการผลิต
โรงงานอาหารสัตว์อาจตัดสินใจหยุดไลน์การผลิต ทำให้อาหารสัตว์ขาดแคลนและกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงแน่นอน
รัฐบาลควรพิจารณามาตรการที่ก่อให้เกิดความเป็นธรรมด้านราคากับทุกฝ่าย
ล่าสุด
บริษัทกรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับซื้อข้าวโพดรายใหญ่
แจ้งปรับราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาสูงสุดที่ 12.65 บาท/กก. สำหรับข้าวโพดหลังนาต้นฤดู
เพื่อสร้างหลักประกันในการส่งมอบวัตถุดิบให้กับลูกค้าและลดความเสี่ยงด้านราคาที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีกหากสงครามยืดเยื้อ
ปัจจุบัน
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมราคาขั้นต่ำ (Floor Price) เพื่อสนับสนุนเกษตรกรซึ่งเป็นภาคการผลิตต้นทาง
โดยกำหนดราคาประกันขั้นต่ำเมล็ดข้าวโพดความชื้น 14.5% ที่ 8.50 บาท/กก. โดยจะจ่ายส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรเมื่อราคาตลาดต่ำกว่า 8.50 บาท/กก. ซึ่งราคาข้าวโพดสูงกว่าราคาประกันตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่มีการกำหนดเพดานราคา (Ceiling Price) ส่งผลกระทบอุตสาหกรรมการผลิตกลางน้ำอย่างโรงงานผลิตอาหารสัตว์
ต้องซื้อวัตถุดิบในราคาสูงแต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ต้องลดกำลังการผลิตลง
ขณะที่ผู้เลี้ยงสัตว์ก็ไม่สามารถปรับราคาหน้าฟาร์มได้เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
มาตรการคุมราคาของภาครัฐกำลังทำลายคลังอาหารของประเทศ
หากผู้ผลิตอาหารสัตว์หยุดไลน์การผลิต ผู้เลี้ยงลดปริมาณการเลี้ยง
เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาขายได้ ห่วงโซ่การผลิตอาหารของประเทศจะหยุดชะงัก
และสินค้ามีโอกาสหายไปจากตลาด ขณะที่ราคาถึงผู้บริโภคสูงมาก
รัฐควรบริหารจัดการให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและมีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอในทุกสถานการณ์
แม้วิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน
จะเป็นแรงผลักดันต้นทุนการผลิตต่างๆ ทั้งน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์และอาหารพุ่งสูงขึ้น
แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการทั้งซัพพลายและดีมานด์ให้เกิดความสมดุล
โดยเฉพาะการใช้กลไกตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
และต้องยกเลิกการแทรกแซงตลาดด้วยการคุมราคาหรือตรึงราคาสินค้า
เพราะเป็นการทำร้ายภาคการผลิตในภาวะต้นทุนสูงขึ้นจากปัจจัยที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น