คนเลี้ยงหมูใต้ โอดแบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ อุปสรรคเข้าเลี้ยงรอบใหม่ ซ้ำมีขบวนการลักลอบนำเข้าหมู
เสี่ยงโรค-สารเร่ง-ทุบอุตสาหกรรมหมู
นายปรีชา
กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า
ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในอาชีพ
นับตั้งแต่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคในสุกรที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรต้องเลิกเลี้ยง
หรือหยุดการเลี้ยงไว้ก่อน
แต่กลับต้องมีต้นทุนการป้องกันโรคอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถกลับมาเข้าเลี้ยงสุกรรอบใหม่ได้
และปัญหาสำคัญที่สุดในขณะนี้คือ “เกษตรกรขาดเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ”
จากภาระหนี้สินสะสมตลอดเวลาเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา
และหนักที่สุดในช่วงปีนี้ที่ต้นทุนการผลิตพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 98.81
บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากทั้งวัตถุดิบอาหารสัตว์ ราคาน้ำมัน ค่าไฟ ค่าน้ำใช้
ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ภาคการเลี้ยงยังประสบปัญหาอากาศแปรปรวนร้อนสลับฝน
เมื่อสัตว์ปรับตัวไม่ได้จึงมีอัตราเสียหายมากขึ้น ผลผลิตที่ได้ลดลง
โดยเกษตรกรขายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มอยู่ที่ 96 – 98 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงแล้ว
ที่สำคัญทุกครั้งที่ราคาปรับตัวในระดับที่เกษตรกรผู้เลี้ยงพออยู่ได้
ภาครัฐจะเข้ามามีส่วนในการกำหนดราคา
แทนที่จะปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดสะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง
ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของเกษตรกร
“ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู
กำลังมีทุกข์หนักเนื่องจากการเลี้ยงหมูต้องหยุดชะงักลง
เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงจากภาวะโรคระบาด
เกษตรกรจึงไม่สามารถขอกู้เงินในระบบได้
เนื่องจากสถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ
เพราะคนเลี้ยงไม่มีรายได้และยังไม่มีหลักประกันในอาชีพ วันนี้เกษตรกรขาดที่พึ่ง
แม้อยากทำอาชีพเลี้ยงหมูต่อก็ต้องมีอุปสรรคเพราะไม่มีต้นทุน
การจะเริ่มการเลี้ยงหมูรอบใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากจากการต้องปรับปรุงระบบการเลี้ยงและการป้องกันโรคให้ได้มาตรฐาน
จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย บางรายที่พอมีแรงไปต่อก็ต้องอาศัยต้นทุนนจำนวนมากเพื่อการเลี้ยงให้ได้มาตรฐาน
หมูปลอดภัย ปลอดโรค
ถ้ายังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ก็ยิ่งกระทบกับปริมาณหมูที่ลดลงมากยิ่งขึ้น
เท่ากับความมั่นคงทางอาหารโปรตีนของประเทศก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากด้วยเช่นกัน
เกษตรกรจึงขอความเห็นใจจากธนาคารและภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหานี้” นายปรีชา
กล่าว
นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้
กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มี กลุ่มผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ
เข้ามาสวมเป็นสุกรไทย จำหน่ายในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ
ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ทั้งในแง่เศรษฐกิจ
ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีอากร
และความเสี่ยงของผู้บริโภคจากสารเร่งเนื้อแดงที่อาจปนเปื้อนมากับผลิตภัณฑ์สุกรต่างประเทศ
ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรกว่า 2 แสนราย และเกษตรกรในห่วงโซ่การผลิต
โดยเฉพาะผู้เพาะปลูกพืชอาหารสัตว์
ก็มีความเสี่ยงในอาชีพจากกลไกสินค้าที่ถูกบิดเบือนจากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ต่างประเทศดังกล่าว
จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งกวาดล้างขบวนการนี้ให้หมดไปโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้
อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร
ยังทำหน้าที่ปกป้องพี่น้องเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์
ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และปลายข้าว ร่วม 7 ล้านครัวเรือน รวมไปถึงเป็นห่วงโซ่สำคัญของภาคเวชภัณฑ์
ผู้ผลิตอุปกรณ์การเลี้ยง ระบบขนส่ง และภาคธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
หากเกษตรกรเลี้ยงสุกรต้องล่มสลาย
จากการไม่มีต้นทุนซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการประกอบอาชีพ
และเนื้อสุกรลักลอบนำเข้าที่เข้ามาตีตลาดสุกรไทย ย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องอย่างแน่นอน./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น