พันตำรวจตรี ดร.ปริญญา สีลานันท์ หัวหน้าโครงการในการศึกษาวิจัย เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัย พบว่า ปัญหา ที่เยาวชน
กระทำผิดกฏหมาย
และกระทำผิดซ้ำอีกมีแนวโน้มมากขึ้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้กระทำผิด
มีการกระทำผิดซ้ำอีก มากกว่าร้อยละ 40 ของผู้ที่เข้าสถานพินิจ เป็นคดียาเสพติดที่กระทำผิดซ้ำ กว่าร้อยละ 27 นอกจากนั้นเป็นคดีอื่นๆ ร้อยละ13
ของผู้กระทำผิดซ้ำ
ที่น่าห่วงคือเด็กที่เข้าไปอยู่ในสถานพินิจฯ
ออกมาแล้ว ไม่มีงานทำ และ ไม่มีเงิน ในการดูแลตนเอง จึงหวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ ทางทีมวิจัยฯ จึงได้จัดทำโครงการที่จะเป็น
แกนกลางในการเชื่อมโยง ระหว่าง สถานพินิจกับผู้ประกอบการ ในการหาแหล่งงาน ให้กับเยาวชน
ที่กำลังจะออกมาสู่สังคม ได้มีโอกาสทำงานเพื่อเลี้ยงชีพได้อย่างมั่นคง โดยจะประสานงานในการฝึกอบรมอาชีพ
ให้กับเยาวชนที่หลงผิด
ให้เข้าไปฝึกอบรมอาชีพ ตามความถนัดของเด็กและเยาวชน
ได้มีอาชีพติดตัวไป ทำงานหลังจากพ้นโทษ
โดยมีพี่เลี้ยง ทีมฝึกอบรมแนะนำอาชีพ ซึ่งจะมีทั้งอาชีพ ช่าง ต่างๆ อาชีพ อิสระ
โดยเฉพาะ อาชีพ ขายของออนไลน์ ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดขณะนี้
โดยจะมีทีมฝึกอบรมแนะนำ เชื่อว่าหากเด็กมีอาชีพที่มั่นคงจะไม่หวนไปกระทำผิดซ้ำอึก
ถือเป็นการให้โอกาสกับเด็กและเยาวชน ที่หลงผิดกลับมาเป็นคนดีในสังคม
นอกจากนี้
ยังจะประสานเป็นตัวกลางในการในการเจรจากับผู้ประกอบการ ที่ต้องการแรงงานเฉพาะด้าน
โดยเฉพาะช่างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่างยนตร์ ช่างเชื่อม ช่างกลโรงงาน
ตามความต้องการของผู้ประกอบการ ในโรงงานต่างๆ เพื่อเปิดโอกาส
ให้กับเด็กและเยาวชนได้เข้าไปมีโอกาสทำงานมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จากการเจรจากับทางผู้ประกอบการเจ้าของโรงงาน มีความพร้อมที่จะให้โอกาส ขอให้เป็นคนที่ขยัน ซื่อสัตย์
และรับผิดชอบต่อหน้าที่เท่านั้น
ผู้ประกอบการพร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้หลงผิดได้กลับมาเป็นคนดีจำนวนมาก
และเป็นไปในทิศทางที่ดีมากขึ้น ทางทีมวิจัย
จะส่งมอบข้อมูลไปยังกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
เพื่อเตรียมพร้อมในการพัฒนาอาชีพ เด็ก และเยาวชน
เพื่อส่งต่อสู่สังคมต่อไป
นอกจากนั้น
ทีมวิจัยยังมีการเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนข้อมูลในการที่จะสร้างแอพพลิเคชั่น
"เทคโนโลยีอัจฉริยะยุติธรรม" เข้ามาใช้ โดยมีการเชื่อมโยงด้านข้อมูล
โดยกรมพินิจฯ จะเป็นหน่วยงานหลัก ในการจัดทำข้อมูลจะประกอบด้วยรายละเอียดของเยาวชนที่ผ่านการฝึกอบรมด้านอาชีพ
ตามความต้องการ ของผู้ประกอบการ
เจ้าของกิจการสามารถเลือกแรงงานให้เป็นไปตามความต้องการของแต่ละแห่ง
โดยเด็กและเยาวชนที่ผ่านการฝึกอบรม นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญงานตามแนวถนัด
ยังจะต้องผ่านการตรวจสอบ ด้านพฤติกรรมที่สามารถทำงานร่วมกับสังคมได้อย่างปกติด้วย ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่ออมั่นให้กับผู้ประกอบการด้วย
ด้านศาสตราจารย์
พลตำรวจตรีหญิง ดร.พัชรา สินลอยมา ผู้บริหารจัดการโครงการ
กล่าวว่าปัญหาเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดในขณะนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อปัญหาสังคม และปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยรวมทั้งระบบ
เพราะเด็กและเยาวชนเหล่านี้กำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จึงต้องเร่งแก้ปัญหา
ที่กำลังจะส่อเค้ารุนแรงมากขึ้น ทางทีมงานจึงเสนอแผนงานเพื่อทำการวิจัยและแก้ปัญหาต่อสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
ทำการวิจัยและหาทางออกกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและป้องกันไม่ให้เด็ก
และเยาวชนกลับมาสู่วังวนเดิม
ปัญหาใหญ่มากที่สุดสู่การกระทำผิดคือเด็กขาดแคลนเงิน
จึงพยายามที่จะหาเงิน และหาเงินในทางที่ผิดโดยเข้าไปอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด
เพราะหาเงินง่าย โดยแนวทางในการแก้ปัญหาคือต้องสร้างโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนที่หลงผิดโดยจะฝึกอบรมและสร้างอาชีพและให้คำแนะนำ
ตามความต้องการของแต่ละคน โดยจะประสานงานกับกรมพินิจฯ
เพื่อฝึกอาชีพและเตรียมความพร้อมของแต่ละคนโดยเด็กส่วนใหญ่
จะมีความถนัดที่หลากหลาย ทั้งอาชีพช่าง อาชีพอิสระด้านต่างๆ โดยเฉพาะอาชีพขายของทางออนไลน์ โดย
จะมีนักขายที่มีความชำนาญมาฝึกอบรมเทคนิคการขายให้ ส่วนอื่นๆ ทางกรมพินิจฯจะมีพี่เลี้ยงในการแนะนำอาชีพและฝึกอบรมให้ก่อนที่จะออกมาสู่สังคม
ด้วย
"เด็กและเยาวชนที่หลงผิดสำคัญคือโอกาสที่จะกลับสู่สังคมที่ดี
ซึ่งเราต้องให้โอกาสเขาเหล่านั้น เพราะเขาคือกำลังหลักของชาติในอนาคต เด็กเหล่านี้คือเด็กที่มีพรสวรรค์เราทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เด็กกลับไปทำความผิดซ้ำ
ต้องคิดว่าเด็กทุกคนคือลูกของเรา ที่เราต้องดูแล ถ้าไม่เรียนหนังสือต้องมีงาน คิดว่าต้องดูแลกัน "พลตำรวจตรีหญิง
ดร.พัชรา กล่าว
ด้านนางสาวนาฑีรัตน์ บุญรัตน์ ตัวแทนจาก บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กล่าวว่า
ทางกลุ่มบริษัทของที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและโรงแรม โดยเป็นเจ้า บาร์บีคิว
พลาซ่า พร้อมที่จะให้โอกาส กับเด็กและเยาวชนที่หลงผิดกลับมา เป็นคนดีในสังคมและเชื่อในวงจรความสุข
บริษัทพร้อมที่จะให้ทุนการศึกษาและให้อาชีพให้กับเยาวชนที่กลับใจเป็นคนดีและพร้อมที่จะสู่สังคมเสมอ
บริษัทมีการจัดฝึกอบรมและให้ทุนการศึกษากับผู้ด้อยโอกาสทางสังคม โดยเฉพาะ
ชาวเขา ให้ทุนการศึกษาในระดับ ปวช.
โดยไม่ต้องทำงานเพื่อทดแทนทุนการศึกษาแต่อย่างใด
และหากเรียนจบ แต่ไม่ประสงค์จะทำงาน
ก็ไม่ต้องชดใช้เพียงแต่ขอให้นำความรู้ไปใช้สร้างรายได้ก็พอ ขณะนี้ฝึกเด็กไปแล้วไม่ต่ำกว่า 300 คน มีทั้ง
ช่าง และ ธุรกิจด้านการค้า เป็นหลักเพื่อให้เด็กรู้หลักการคิด
เพื่อสร้างรายได้อย่างมั่นคงยั่งยืน เพื่อไม่ให้หลงผิด
"เราพร้อมให้โอกาสเด็กและเยาวชนที่หลงผิดเพื่อกลับเข้าสู่สังคมที่ดี
เราจะช่วยเหลือเขาให้มีโอกาส เข้ามาเป็นคนดีในสังคมเราจะส่งเสริมเด็กที่สนใจ
และฝึกอบรมตามความชอบของเด็กเป็นหลัก โดยจะต้องผ่านระดับการศึกษา ม.3 เพื่อเรียนในระดับ ปวช. ด้านอาชีพเราไม่เซ็นสัญญาใช้ทุน
แต่ขอให้เรียนให้จบ กลับเป็นคนดีทางสังคม เราก็ยินดี สนับสนุน
โดยจะเริ่มปีนี้เป็นปีแรก " นางสาวนาฑีรัตน์ กล่าว //////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น