“ปัญหา
ASF ในหมู ที่พบเมื่อปลายปี 2564
และยังคงพบในบางพื้นที่ของประเทศ
ทำให้เกษตรกรต้องปรับวิธีการเลี้ยงและการจัดการป้องกันโรคอย่างเข้มงวดขึ้นกว่าเดิม
เพื่อไม่ให้โรคนี้เข้ามาทำอันตรายกับหมูในฟาร์มได้
แต่ขบวนการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนผิดกฎหมาย กำลังบ่อนทำลายระบบการป้องกันโรคของไทย
เป็นคลื่นใต้น้ำนำพาทั้งโรคหมูและสารอันตรายเข้ามาทำลายทั้งเกษตรกรไทยจากความเสี่ยงต่อโรคระบาด
และการถูกบิดเบือนตลาดจากปริมาณหมูที่นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกันคนไทยยังต้องตายผ่อนส่งจากสารอันตรายที่แฝงมากับเนื้อหมูเถื่อน ทำให้รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วยจากการได้รับสารดังกล่าว
และยังมีความเสียหายจากการไม่เสียภาษีตามระบบทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้
ถือเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจอันใหญ่หลวง เกษตรกรขอเรียกร้องให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
เร่งตรวจตราและกวาดล้างขบวนการนี้ไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูมาทำลายคนไทยเด็ดขาด”
นายสุนทราภรณ์ กล่าวและว่า
เกษตรกรขอยืนหยัดคัดค้านการนำเข้าเนื้อหมูจากต่างประเทศ
และขอให้กลไกตลาดเป็นแนวทางในการปรับสมดุลราคาสินค้า
ดังที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหามาโดยตลอด
เพื่อให้เกษตรกรยังสามารถบริหารจัดการการผลิตและการตลาดสำหรับผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม
ไม่ถูกบิดเบือนกลไกราคา
และยังเป็นแรงจูงใจสำคัญสำหรับพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงที่กำลังตัดสินใจกลับเข้าสู่ระบบ
หลังจากต้องตัดสินใจหยุดพักการเลี้ยงไปเพื่อรอดูสถานการณ์การผลิตและโรคในสุกรให้คลี่คลายก่อนกลับมาเลี้ยงหมู
ที่จะช่วยเพิ่มซัพพลายหมูในอุตสาหกรรมให้เพียงพอกับการบริโภคอย่างยั่งยืน./
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น