วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

วช.จับมือทีมวิจัย ม.มหิดล สร้างต้นแบบเครื่องมือป้องกันการข่มขืนกระทำชำเราในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน

 

วช.จับมือทีมวิจัย ม.มหิดล สร้างต้นแบบเครื่องมือป้องกันการข่มขืนกระทำชำเราในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน เตรียมเสนอ พม. กระทรวงศึกษา กระทรวงมหาดไทยให้ความรู้กลุ่มเสี่ยง พร้อมทำแอพพลิเคชั่น เปิดช่องทางเหยื่อให้ข้อมูลเอาผิดอาชญากร

 



ในการสัมมนาเสนอผลการศึกษาต้นแบบการสร้างเครื่องมือป้องกันปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวถึง บทบาทของ วช. ในการสนับสนุนการวิจัย การแก้ปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย ซึ่งการสัมมนาดังกล่าวได้รับทุนจาก วช. ว่า ความรุนแรงในสังคมไทยเป็นปัญหาระดับประเทศ การลดความรุนแรงเป็นโจทย์ท้าทายการวิจัยที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ทางสังคมให้กับคนไทยอย่างมั่นคง และนำไปสู่การลดปัญหาความรุนแรงอย่างยั่งยืน การข่มขืนกระทำชำเราเป็นหนึ่งตัวอย่างความรุนแรงและเป็นประเด็นทางสังคมที่ วช.เห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องหยิบยกมาแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน จึงได้ให้การสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหา

 



วช. มุ่งหวังว่าแผนการวิจัยที่ได้ร่วมกันศึกษาจะได้นำผลสำเร็จป้องกันเหตุความรุนแรงให้ลดลงได้ โดยเฉพาะปัญหาการข่มขืนในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ตลอดจนการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการศึกษากฏหมายที่เกี่ยวข้องที่ต้องปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกทั้งศึกษากฏหมายต่างประเทศ เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการเคารพในสิทธิหน้าที่ เห็นคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

“ วช. จะช่วยผลักดันทุนวิจัยทางด้านความรุนแรงและการข่มขืนกระทำชำเราไปสู่ภาครัฐและเอกชนให้ได้รับรู้ข้องมูลของงานวิจัยให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป ”

 



รองศาสตราจารย์ ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร ผู้จัดการแผนงาน กล่าวว่า จากการที่เข้าไปดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศ จากข้อมูล 2,450 แห่ง พบว่าปัญหาการถูกคลุกคามทางเพศเกิดจากครอบครัว โรงเรียน ชุมชน จากการสอบถามข้อมูลโดยทั่วไป พบว่าปัญหาหลักที่ทำให้เกิดการละเมิดทางเพศมาจากสามกลุ่มนี้เป็นหลัก ปัญหาที่เกิดขึ้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำความเข้าใจกับกลุ่มที่ล่อแหลมที่จะถูกละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ขณะนี้พยายามให้ข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียนที่ต้องทำความเข้าใจกับเด็กในการระมัดระวังตัวมากขึ้น  เช่น การสัมผัสร่างกายว่าส่วนไหนที่แตะต้องได้และส่วนไหนแตะต้องไม่ได้อันจะนำไปสู่การถูกละเมิดทางเพศ

 

อย่างไรก็ตามผลสืบเนื่องจากการทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลดังกล่าวเด็กโตในชั้นมัธยมตอนต้นมีความเข้าใจมากขึ้น เด็กระวังตัวมากขึ้น นอกจากนี้ได้ให้คำแนะนำว่าหากมีปัญหาเกิดขึ้นเด็กต้องแจ้งให้ใครทราบ เพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ในส่วนของโรงเรียนครูต้องให้ความรู้กับเด็ก ทำความเข้าใจ ยอมรับความเป็นจริงว่าบางส่วนการถูกล่วงละเมิดเกิดขึ้นที่โรงเรียน  ต้องหาแนวทางป้องกันให้ถูกวิธี เพราะการย้ายสถานศึกษาหลังถูกล่วงละเมิดไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

 

ส่วนชุมชนเองต้องทำให้มีความปลอดภัยมีไฟส่องสว่าง คนในชุมชนต้องร่วมมือร่วมใจ ดูแลคนในชุมชนให้มีความปลอดภัยด้วยเช่นกัน ทีมวิจัยนอกจากจะมีการวิจัยแนวทางแก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศแล้วยังนำเสนอแก้ไขกฏหมายเอาผิดผู้กระทำให้รุนแรงมากขึ้น ตั้งแต่การทำอนาจาร ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้บังคับใช้กฏหมายก็ต้องเข้มงวดในการใช้กฏหมายอย่างจริงจังเชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมมือกันจะทำให้การล่วงละเมิดลดลง

 



ผลสรุปของงานวิจัยจะนำเสนอกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเผยแพร่อันจะนำไปสู่การป้องกันตัว ให้มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง อีกทั้งได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ที่ประชาชนเข้าถึงข้อมูลแนวทางการป้องกันการล่วงละเมิดได้สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งผู้ที่ถูกล่วงละเมิดสามารถร้องเรียนปัญหาและการแสดงความเห็นต่าง ๆ 

 



นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ ปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์)   กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉลี่ยปีละ 10,000 กรณี  ยกตัวอย่าง กรณีล่วงละเมิดทางเพศเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศอายุต่ำสุด 10 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม จากสถิติช่วงอายุที่ถูกข่มขืนมากที่สุดอันดับ 1 คืออายุ 10 - 15 ปี อันดับ 2  คืออายุ 15 -20 ปี และอันดับ 3 คืออายุ 5 -10 ปี

 

สถานการณ์ในขณะนี้อันตรายมากเนื่องจากเด็กและผู้ที่มีอายุน้อยถูกข่มขืนมากขึ้น และในทุกกรณีที่มูลนิธิเข้าไปช่วยเหลือผู้ถูกล่วงละเมิดจะถูกกระทำจากบุคคลในครอบครัวและผู้ใกล้ชิด จะเห็นได้ว่าเด็กไม่มีความปลอดภัยแม้จะอยู่อาศัยกับบุคคลในครอบครัวก็ตาม อีกทั้งถูกกระทำในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไปซื้อขนม หรือห้องน้ำในโรงเรียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

“วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” เทศกาลสัตว์น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

  เปิดประสบการณ์ความมหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำกับ FISHTIVAL 2025   ที่ยกทัพพาเหรดสัตว์น้ำกว่า 3,000 ตู้ ในงาน “วันประมงน้อมเกล้าฯ ครั้งที่ 35” ...